วันที่ 26 มิถุนายน 2562 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า กลุ่มตัวแทน 477 นักลงทุนทั่วโลก ซึ่งมีทรัพย์สินรวมกันมากกว่า 34 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลทั่วโลก เรียกร้องให้ลงมือปฏิบัติอย่่างเร่งด่วนที่สุดต่อปัญหาวิกฤตสภาพอากาศเพื่อบรรลุผลตามเป้าหมายในข้อตกลงปารีส

นับเป็นความเคลื่อนไหวของนักลงทุนที่มีทุนเกือบครึ่งของทุนทั่วโลก ก่อนการประชุมของชาติสมาชิกชั้นนำทางเศรษฐกิจ 20 ประเทศหรือจี 20 ที่นครโอซาก้าในปลายเดือนมิถุนายนนี้ เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของนายอันโตนิโอ กูเตเลส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็นเรียกร้องให้หลายประเทศกลับมาให้ความสนใจการบรรลุเป้าหมายแก้ไขปัญหาสภาพอากาศ

เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกระบุว่า การมีช่องว่างของความกระตือรือร้นนี้ นับเป็นความกังวลอย่างมากต่อนักลงทุนและจำเป็นต้องมีการแสดงออกอย่างเร่งด่วน

“ถือว่าความสำคัญสำหรับการวางแผนระยะยาวและการตัดสินใจการจัดสรรสินทรัพย์ที่รัฐบาลทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักลงทุนเพื่อรวมสถานการณ์สภาพอากาศ ให้สอดคล้องตามข้อตกลงปารีส ในกรอบนโยบายและเส้นทางการเปลี่ยนผ่านพลังงาน

จดหมายฉบับถูกเผยแพร่ก่อนการประชุมจี 20 ที่นครโอซาก้าสัปดาห์นี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ประชุมมีสภาจะกลับมาใช้ถ่านหินต่อ

สำหรับผู้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเหล่านี้ ประกอบด้วย 7 ผู้บริหารร่วมก่อตั้ง เดอะอินเวสเตอร์ อเจนด้า รวมถึงสถาบันกลุ่มนักลงทุนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ รวมทั้งนักลงทุนรายใหญ่ อาทิ แอลแอนด์จี อินเวสเมนท์ และคาลเพอร์ส

ทั้งนี้ นักลงทุนหลายคนเริ่มถอนการลงทุนจากบริษัทพลังงานฟอสซิลแล้วด้วยความเสี่ยงต่อสินทรัพย์ ขณะที่ต้นทุนพลังงานสะอาดลดลง ถอยจากการใช้ตัวดักจับและการจัดเก็บคาร์บอนเพื่อดักจับการปล่อยมลพิษ แต่เทคโนโลยีนั้นมีราคาแพงและยังไม่ใช้ในเชิงพาณิชย์