นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมต้องเร่งในเรื่องกฎหมายอีบิซิเนส เพราะขณะนี้กฎหมายอีเพย์เมนต์ประกาศใช้แล้ว ทำให้การเสียภาษีเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น อย่างไรก็ตามหลังประกาศใช้กฎหมายเกิดกระแสรณรงค์ไม่จ่ายเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเลี่ยงภาษี กรมเตรียมเปิดตัวระบบวิเคราะห์ข้อมูลภาษี(data analytics) หากใครที่ไม่ยอมใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้แต่เงินสดถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงในการเสียภาษีทันที กรมจะเข้าไปตรวจสอบภาษีละเอียดกว่ากลุ่มที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพราะมองว่ากลุ่มนี้ตั้งใจเป็นผู้ประกอบการที่ดีและไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี

นายเอกนิติกล่าวว่า กฎหมายอีเพย์เมนต์สิ่งสำคัญคือในเรื่องการหักภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียภาษี ส่วนในเรื่องกำหนดให้แบงก์รายงานธุรกรรมเกินการฝาก หรือ รับโอนเงิน ตั้งแต่ 3,000 ครั้งต่อปี หรือ รวมกัน ตั้งแต่ 400 ครั้งและมียอดรวมการรับเงินฝาก ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไปนั้นเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของกฎหมาย ที่กรมจะนำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงในการจ่ายภาษีเท่านั้น

“ในการตรวจสอบภาษีกรมคงต้องดูเป็นรายกลุ่มเช็คเตอร์ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม ขายเสื้อผ้า เศษเหล็ก เพราะแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมในการเสียภาษี การขายสินค้าและบริการต่างกัน โดยในช่วงเดือนมิถุนายน กับเดือนสิงหาคม เป็นช่วงการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลดังนั้นกรมใช้ระบบไอที และการวิเคราะห์เข้ามาใช้กลุ่มนิติบุคคล”นายเอกนิติ กล่าว

มติชนออนไลน์