“เพื่อชาติ” กาง 9 นโยบาย ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน สู้ศึกเลือกตั้ง 62

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ห้องประชุมอภิวันท์ วิริยะชัย ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว พรรคเพื่อชาติกำหนดแถลงนโยบายและเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. เขต และบัญชีรายชื่อทั้ง 500 คน อย่างเป็นทางการ ในวันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2562 เวลา 09.00 น. -12.00 น. ณ ห้องอภิวันท์ วิริยะชัย ชั้น 5 อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว นำโดย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยการปาฐกถาพิเศษ “บทเรียนกับการเลือกตั้งของประเทศไทย” โดย 2 ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.

พรรคเพื่อชาติ ชู 9 นโยบาย ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสให้กับคนจน ส่งเสริมเกษตรกรฐานราก สร้างมาตรฐานด้านสาธารณสุขให้คนไทย และใส่ใจชีวิตคนเมือง

1.นโยบายยกระดับสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลตำบลที่มีความทันสมัย

พรรคเพื่อชาติ จึงได้เสนอนโยบาย พัฒนาสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลประจำตำบล โดยจัดให้มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน และทันสมัยเหมือนโรงพยาบาลในตัวเมือง เช่น มีอุปกรณ์และห้องผ่าตั เครื่องเอกซเรย์ และอื่น ๆที่จะสามารถทำการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพเบื้องต้นได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งนโยบายนี้ เป็นนโยบายที่พรรคเพื่อชาติจะทำเป็นลำดับแรกหากได้เป็นรัฐบาล

2. นโยบาย 1 ตำบล 1 นักศึกษาแพทย์

เมื่อมีโรงพยาบาลที่ดีแล้ว แต่ในชนบทก็มักจะมีปัญหาอีกอย่างคือ ขาดบุคลากรทางการแพทย์ เราจึงได้คิดนโยบาย หนึ่งตำบล หนึ่งนักศึกษาแพทย์ โดยจะให้ทุนกับนักเรียนที่ขาดโอกาส ขาดทุนทรัพย์ในแต่ละตำบลทั่วประเทศ ได้เรียนแพทย์ โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเด็กเรียนเก่ง ขอเพียงมีใจรัก อยากเรียนและอยากกลับมาทำงานใช้ทุนที่บ้านเกิด ไปเป็นหมอให้กับตำบลและท้องถิ่นของตน พรรคเพื่อชาติจะเลิกล้มระบบแพ้คัดออก และโง่คัดออก แนวคิดเหล่านี้ต้องหมดไปจากสังคมไทย เพื่อให้โอกาสและสร้างความเท่าเทียมให้กับคนจนทั่วทั้งประเทศ ดังนั้น นโยบาย 1ตำบล 1 นักศึกษาแพทย์จึงถูกหยิบหยกขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักของพรรคเพื่อชาติ

3. นโยบายโฉนดใบเดียวทั้งแผ่นดิน

โฉนดใบเดียวทั้งแผ่นดิน คือ การยกเลิกเอกสารสิทธิ์ ทุกประเภท อาทิ สปก. , นส.2 , นส.3 และอื่น ๆ ให้เหลือเพียงโฉนดเท่านั้น รวมถึงจะใช้มาตราส่วนเดียวกันในโฉนดทุกประเภทด้วย ลดปัญหาความขัดแย้ง และเพิ่มความเท่าเทียมกัน ให้กับเจ้าของโฉนดทุกคน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้น พรรคเพื่อชาติจึงเสนอนโยบายให้เอกสารสิทธิ์ทุกฉบับ มีมาตราส่วนเดียวกัน ยึดตามมาตรฐานสากลเป็นหลัก และต้องทำสัญญาประชาคม ทำข้อตกลงร่วมกันเพื่อกำหนดการแบ่งที่ดินให้เหมือนกัน ทั้งเอกชนและรัฐ

4. นโยบายยกเลิกการผูกขาดตัดตอน และยกเลิกสัมปทาน ที่กีดขวางการพัฒนาโอกาสของคนยากจน

แม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายที่ควบคุมเกี่ยวกับการผูกขาดทางการค้า แต่ในความเป็นจริง ไม่ถูกนำมาบังคับใช้มากนัก กลายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนรายใหญ่ พรรคเพื่อชาติ เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้กำหนดนโยบายนี้ภายใต้แนวคิด “ลดการผูกขาดทางการค้า เพิ่มโอกาสสร้างความมั่งคั่งให้ประชาชน” โดย เราจะบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการผูกขาด อย่างเคร่งครัด นโยบายนี้จะช่วยสร้างโอกาส ให้กับคนจน ที่จะสามารถสร้างความมั่งคั่งได้ ไม่ผูกขาดความมั่งคั่งไว้กับคนบางกลุ่มเท่านั้น พรรคการเมืองอื่นอาจจะไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้ เพราะนายทุนเหล่านี้เป็นทั้งผู้ให้การสนับสนุนพรรคการเมืองใหญ่ วันนี้พรรคเพื่อชาติขอประกาศสู้กับการผูกขาด สัมปทาน อย่างห้าวหาญ นี่คือที่มาของความเป็นพรรคของคนจนที่แท้จริง

5. นโยบายปลอดภาษีรถยนต์ เพื่อการเกษตร และประมง

ด้วยการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มโอกาสให้เกษตรกร ในการมีเครื่องมือที่จะใช้ขนผลผลิต หรือ ขนส่งสินค้าไปขายยังที่ต่าง ๆ โดยรถยนต์ในที่นี้ หมายถึงรถยนต์ทุกประเภท ที่ใช้เครื่องยนต์ มีล้อ เป็นพาหนะ พิสูจน์ได้ว่านำมาใช้เพื่อการเกษตรอย่างแท้จริง รัฐจะไม่คิดภาษี โดยภาษีเท่ากับศูนย์  ทั้งนี้เป็นการเพิ่มโอกาสในการขาย ลดโอกาสโดนกดราคาสินค้า ลดการผูกขาดการค้าโดยพ่อค้าคนกลาง  ทั้งนี้ยังรวมไปถึงเครื่องจักรยนต์ทางการเกษตร เช่น รถไถนา รถอีแต๋น รถเกี่ยวข้าว และที่เกี่ยวข้องอื่นๆอีกด้วย

6.นโยบายเงินช่วยเหลือผู้สูงวัย 2,000 บาทต่อเดือน

เป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลที่จะต้องไม่ทอดทิ้งผู้คนด้อยโอกาสและไม่สามารถเลี้ยงชีพได้ด้วยกำลังของตนเองจากความชราหรือทุพลภาพ ทางพรรคเพื่อชาติ เห็นความสำคัญของประชากรจำนวนนี้ จึงได้มีนโยบายในเรื่องเงินสวัสดิการผู้สูงวัย จากเดิมคิดเป็นขั้นบันได แต่พรรคเพื่อชาติคิดใหม่ ผู้สูงอายุอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปรวมถึงผู้พิการ หรือทุพลภาพ จะได้เงินเท่ากันหมด คนละ 2,000 บาทต่อเดือน ตลอดชีพ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของรัฐสวัสดิการที่แท้จริง

7.นโยบายการวางผังเมืองใหม่ ให้กลายเป็น Green and Clean City

พรรคเพื่อชาติจึงได้เสนอแนวทางเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาผ่านนโยบายการวางผังเมืองใหม่ภายใต้แนวคิด “Green and Clean City” ซึ่งครอบคลุมนโยบายด้านการวางผังเมือง สิ่งแวดล้อมและระบบขนส่งมวลชนให้สอดรับกัน โดยต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมให้มีการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ต้นไม้ ดอกไม้ ให้มากขึ้น ส่งเสริมให้คนใช้ยานพาหนะประเภทไฮบริด ไฟฟ้า ด้วยการปลอดภาษีรถดังกล่าวทุกประเภท พร้อมทั้งผลักดันให้ ตามห้างสรรพสินค้ามี Electronic station รองรับ รถที่ใช้ชาร์จไฟฟ้า บริการให้เพียงพอ และที่สำคัญนโยบาย Green and Clean City  คือเราจะยกเลิกการผูกขาดของกลุ่มบริษัททั้งหลายที่ใช้เครื่องยนต์  แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค รวมถึงส่งเสริมให้ทุกบ้านมีเครื่องดักจับไขมัน ราคาถูก เพื่อลดปริมาณน้ำเสียที่ปล่อยสู่ธรรมชาติอีกด้วย

8.นโยบายทลายกำแพงใจ

หากเราสามารถเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยกลับมามีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็จะมีประโยชน์อย่างที่เราอาจจะคาดไม่ถึง นโยบายทลายกำแพงใจของพรรคเพื่อชาติ เราจะส่งเสริมให้คนมีมิตรภาพ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้น ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่เขต ใน กทม. หรือองค์กรส่วนท้องถิ่น เข้าไปจัดกิจกรรม ส่งเสริมความสัมพันธ์ของคนในชุมชน หมู่บ้านเดียวกัน ประชาสัมพันธ์ถึงประโยชน์ของการมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน ทั้งนี้จะช่วยลดปัญหาหลาย ๆ ด้าน อาทิ ปัญหาด้านครอบครัว ปัญหาเด็ก ปัญหาอาชญากรรม เป็นต้น

9. นโยบายราคาพืชผลทางการเกษตร

ปัจจุบันเกษตรกรถือเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ โดยประเทศจะเข้มแข็งต่อเมื่อประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดี รายได้จึงเป็นหัวใจที่จำเป็น ดังนั้นพรรคเพื่อชาติจึงมีแนวนโยบายที่จะทำให้สินค้าการเกษตรทุกตัวมีราคาดี กำหนดราคาสินค้าทางการเกษตรให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด ดังนี้ ราคายางพารา ไม่ต่ำกว่า กิโลกรัมละ 80.00 บาท, ข้าวหอมมะลิ เกวียนละ 20,000 บาท ราคาข้าวทั่วไป เกวียนละ 15,000 บาท, ปาล์ม น้ำมัน 6.00 บาท/ กิโลกรัม, อ้อย 900.00 บาท/ ตัน,มันสำปะหลัง 3.00 บาท/ กิโลกรัม