หมอวรงค์ ลั่น ชู”เชนจ์”ปชป.หากได้รับเลือกหน.ปชป. ทนไม่ได้ถูกหยามพรรคขี้แพ้

“หมอวรงค์”พบปะหาเสียงชิงหน.ปชป. กับสมาชิกพรรคฯที่เพชรบูรณ์ ชูการเปลี่ยนแปลงพรรคหากได้รับเลือก ยอมรับทนไม่ได้ถูกหยามเป็นพรรคขี้แพ้ ย้ำคนที่เป็นหัวหน้าพรรคและผู้น้ำประชาชนต้องยืนด้วยตัวเองได้ไม่มีมีใครมาอุ้ม

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรคประชาปัตย์(ปชป.) ลงพื้นที่จ.เพชรบูรณ์พร้อมทีมงานอดีต ส.ส.ลูกพรรค อาทิ นายวิชัย ล้ำสุทธิ จ.ระยอง, นายสมบัติ ยะสินธุ์ จ.แม่ฮ่องสอน, นายศุภชัย ศรีหล้า จ.อุบลราชธานี, นายวิรัตน์ สุริยะวงศ์ จ.สุโขทัย เพื่อพบปะสมาชิกพรรคในเขตพื้นที่อ.หล่มสักและอ.หล่มเก่ารวม 4 จุด ได้แก่ ต.ลานบ่า อ.หล่มสัก, บ้านกุดมแข้ ต.หินฮาว อ.หล่มเก่า, โรงเรียนผู้สูงอายุหล่มเก่า วัดศรีสุมังคลา ต.หล่มเก่า และโรงเรียนผู้สูงอายุสักหลง ต.สักหลง โดยมีนายยุพราช บัวอินทร์ อดีต ส.ส.พรรคปชป.จ.เพชรบูรณ์ และนายชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรค ปชป. นำพบปะสมาชิกพรรคและประชาชนในพื้นที่ เพื่อหาเสียงและชี้แจงถึงแนวทางบริหารพรรคของนพ.วรงค์หากได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.

นพ.วรงค์กล่าวปราศรัยที่ศาลาวัดกุดแข้ หมู่ที่ 8 ต.หินฮาว อ.หล่มเก่า โดยย้ำว่า ถึงเวลาการเปลี่ยนแปลงพรรคครั้งใหญ่ ทีมงานทุกคนที่มาในวันนี้เป็นคนรุ่นใหม่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในพรรค เพราะทนไม่ไหวแล้วที่เห็นพรรค ปชป.ถูกวิพากษ์วิจารณ์ บางคนบอกว่าเป็นพรรคขี้แพ้ เป็นคนไทยและเป็นลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ ใครมาเยาะเย้ยคงยอมกันไม่ได้.และหากใครมาเยาะเย้ยถากถางตนคิดอยู่เสมอว่า ต้องเจอกันแน่และจะต้องเอาชนะให้ได้ในอนาคต

“การเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.สำคัญมาก คนที่เป็นหัวหน้าพรรคฯจะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และอยากจะบอกอีกว่าคณะของพวกเราเป็นคนหนุ่มพึ่งได้กล้าคิดสัมผัสได้และจับต้องได้”นพ.วรงค์กล่าวว่า วันนี้พรรค ปชป.จะอยู่อย่างเดิมไม่ได้ เพราะฝ่ายตรงกันข้ามจะบอกพวกขี้แพ้ พวกเรารับไม่ได้ เพราะนั้นทุกคนจึงรวมตัวกัน ซึ่งผมย้ำเลยว่าในการมารวมตัวกันของพวกเรานั้นเป็นการด้วยตัวเองเพราะต้องการเดินไปข้างหน้า โดยถือเสมอว่าคนที่จะเป็นหัวหน้าพรรคและผู้นำประชาชนต้องยืนด้วยตัวเองได้ ต้องมีเพื่อนร่วมงานมีพี่ๆช่วยและทำงานเป็นทีม ไม่ต้องให้ใครมาอุ้ม คนที่เป็นหัวหน้าพรรค ปชป.ต้องยืนด้วยตัวเองไม่ต้องให้ใครมาอุ้มมีเพื่อนๆสนับสนุน ดูแลประชาชน เพราะหากยืนด้วยตัวเองไม่ได้ก็เท่ากับดูแลประชาชนไม่ได้ไม่สมควรเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.

จากนั้นนพ.วรงค์ยังอภิปรายถึงหลักการทำงาน 3 ข้อ โดยย้ำว่าแตกต่างจากคนอื่นอย่างชัดเจน อาทิ ข้อแรกหากได้เป็นหัวหน้าพรรคปชป. ต่อไปนี้หัวหน้าพรรคฯจะต้องเข้าถึงสัมผัสได้ สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่และปัญหาของประชาชน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหมอวรงค์จะตามไปให้ถึง ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนถ้าถึงเวลาต้องดูแลกันกลางคืนดึกดื่นแค่ไหนก็จะตามไปพบ ถ้าหัวหน้าพรรค ปชป.สัมผัสได้ ลูกน้องซึ่งเป็นส.ส.ก็ต้องสัมผัสได้เข้าถึงประชาชนและต้องทำงานอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชน

นพ.วรงค์กล่าว่า อีกข้อที่ผ่านมาจะเห็นนักการเมืองทะเลาะกันและให้สัมภาษณ์ทะเลาะกันไปมา วันนี้ตนและทีมงานบอกนักข่าวชัดเจนว่าเรากล้าเปลี่ยน ไม่ทะเลาะกันพวกตนจะไม่ทะเลาะกับใคร ใครจะมาตั้งคำถามให้ไปทะเลาะกับใคร แม้แต่บางสิ่งบางอย่างรู้สึกถึงความเสียเปรียบก็จะไม่ทะเลาะ แต่จะเสนอสิ่งใหม่คือปัญหาประชาชน ความหวังและอนาคตที่ดีของประชาชน เพราะการที่นักการเมือเถียงกันไปมาประชาชนไม่ได้ประโยชน์ แต่เอาปัญหาประชาชน ความทุกข์ร้อน ปัญหาที่ดิน ราคาพืชผล รายได้ซึ่งประชาชนได้ประโยชน์ และขอสุดท้ายให้ประชาชนสัมผัสถึงความตั้งใจจริงในการทำงานของตน จากนั้นนพ.วรงค์ให้ประชาชนมองสบตาตนเองเพราะระบุด้วยว่า คนที่ไม่กล้าสบตาจะบ่งบอกถึงความไม่ตั้งใจในการทำงาน แต่ตนเองใช้หัวใจในการทำงานและทุ่มเทให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่

“หลัก 3 ข้อที่อยากบอกพี่น้องประชาชนให้เปรียบเทียบหมอวรงค์กับคนอื่นๆ แตกต่างกันแบบชนิดที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน และหมอวรงค์มาเป็นหัวหน้าพรรคฯซึ่งจะทำให้พรรคฯตัองเปลี่ยนไป โดยเอาพี่น้องประชาชนมาเป็นตัวตั้ง” นพ.วรงค์กล่าวและว่า ครั่งนี้จะเป็นสำคัญของประเทศไทยว่าจะไปทางซ้ายหรือทางขวา ประเทศไทยจะเจริญขึ้นหรือไม่ ความจนจะหายไปจากแผ่นดินหรือไม่ อยู่ที่รัฐบาลหรือนักการเมือง และบอกได้เลยว่า การแก้ไขปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ยากอยู่ที่ว่านักการเมืองรับผลประโยชน์หรือเปล่า ถ้านักการเมืองขี้โกงรับผลประโยชน์การแก้ไขปัญหาให้ประชาชนก็ยาก ปัญหาที่ดิน ราคาพืชผลการเกษตรและอื่นๆแก้ยาก แต่ถ้านักการเมืองซื่อสัตย์สุจริตไม่หาผลประโยชน์ไม่ขี้โกงปัญหาประชาชนแก้ง่าย เราจึงยืนยันอีกครั้งว่าเราจะช่วยกันปราบโกงให้ได้

ที่ผ่านมาปีหนึ่งโกงกันไปปีละเป็นแสนล้านหากเราสามารถปราบโกงได้ ไม่กี่ปีคนจนยังอยู่แต่ความยากจนจะหายไป ดังนั้นการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค ปชป. จะเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่และเป็นครั้งสำคัญของประเทศ”นพ.วรงค์กล่าวพร้อมย้ำเชิญชวนให้ประชาชนที่มาร่วมรับฟังให้เร่งรีบสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ เพราะเหลือระยะเวลาอีกแค่ 3 วัน และหากสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯภายในวันที่ 15 ตุลาคมที่จะถึงนี้ จะมีสิทธิได้เลือกหัวหน้าพรรค ปชป.”นพ.วรงค์กล่าว

นพ.วรงค์กล่าวว่า เพชรบูรณ์มีปัญหาเอกสารสิทธิที่ดินที่ดินทำกิน ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ปัญหาเรื่องหนี้สิน ไม่ต้องห่วงรอหมอวรงค์หากชนะเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.และหลังจากนั้นหมอวรงค์ได้รับการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี จำคำพูดวันนี้ไว้หากหมอววรงค์ไม่เป็นความจริงขอให้มีอันเป็นไป แต่หากเอาหัวใจมาพูด ดูแลแก้ปัญหาอย่างจริงจังและจริงใจด้วยหัวใจ ขอให้หมอวรงค์ชนะเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.

นพ.วรงค์ยังกล่าวระหว่างพบปะกลุ่มผู้สูงอายุที่โรงเรียนผู้สูงอายุหล่มเก่าโดยย้ำว่า เป็นลิขิตของดวงดาวที่จะทำให้ตนมาเป็นหัวหน้าพรรคปชป. โดยนพ.วรงค์ยังย้ำด้วยว่าไม่ได้เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงแต่เป็นคนคิดดีทำดี มีความตั้งใจ อยากทำให้ประเทศชาติดีขึ้น วันหนึ่งประเทศเกิดวิกฤต พรรค ปชป.เข้ามากอบกู้วิกฤต และเพื่อนพี่น้องในพรรคซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่พูดคุยกันว่าถึงเวลาแล้ว เราต้องเปลี่ยน หากไปถามส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ 100 คนโดย 80 คนบอกต้องเปลี่ยน แต่ถามว่าใครจะเปลี่ยนบ้าง แต่ไม่มีใครกล้า อยากจะบอกย้ำกับพี่น้องประชาชนว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ๆในโลกนี้ เกิดจากคนกล้าเพียงไม่กี่คน โดยนพ.วรงค์ยกกรณี มหาตมะ คานธี ประเทศอินเดียตอนเริ่มต้นคิดกอบกู้เอกราชจากอังกฤษก็คิดและพูดคุยกันไม่กี่คน พร้อมยกประเทศสิงคโปร์ตอนปลดแอกจากมาเลเซียสร้างประเทศขึ้นใหม่ เกิดจากลีกวนยูและคนกล้าไม่กี่คน ฉะนั้นวันนี้พรรคประชาธิปัตย์จะต้องเปลี่ยนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น กอบกู้พรรค ปชป.เพื่อมากอบกู้ประเทศให้เข้มแข็งยิ่งใหญ่ ก็เกิดจากผู้กล้าไม่กี่คนในนามของหมอวรงค์

“ผมอยากจะเล่าความในใจตอนที่มีเพื่อนๆมาคุย ซึ่งผมแปลกใจมากวันดีคืนดีที่มีการประชุมส.ส. ภาคเหนือ มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งอยู่ชายแดนภาคเหนือได้มาบอกผมว่า มีเรื่องจะพูดคุยด้วยโดยเข้าไปนั่งคุยกันในรถปิ๊กอัพพร้อมย้ำว่า จะไหวหรอพี่หมอ โดยเป็นห่วงสภาพและสถานการณ์พรรคในปัจจุบัน มีผู้แทนลาออกไปเป็นจำนวนมากแม้กระทั่งสก.ในกรุงเทพฯ ต้องเป็นหน้าที่ของผู้บริหารพรรคต้องจัดการ พร้อมกับยังยังยกเรื่องแฟนกำลังจะหนีขึ้นมาเปรียบเปรยเพราะไม่มีการดูแลกันเลย เพราะหากเราทำตัวไม่ดีจะได้ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น แต่หากเขานอกใจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

โดยนพ.วรงค์ยังระบุด้วยว่า เพื่อนคนนี้ยังย้ำว่าจะปล่อยให้พรรคเป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ หลังจากคุยไปคุยมาเขาได้บอกว่าได้ปรึกษาเพื่อนๆแล้ว โดยแจ้งว่าหมอวรงค์เหมาะที่จะมากอบกู้พรรคในเวลานี้ ตอนแรกตนตกใจนะหลังจากคิดไปคิดมาก็เชื่อว่าในชีวิตคนถูกกำหนดโดยดวงดาว วันนี้ตนพูดจากหัวใจเลยว่าดวงดาวกำหนดให้ตนมากอบกู้พรรคปชป. และกอบกู้ประเทศชาติเพื่อพี่น้องประชาชน

นพ.วรงค์กล่าวอีกว่า “มีนักข่าวถามว่าทำไมผมถึงมั่นใจ ถึงแม้ผมเป็นรองแต่ก็ขยัน ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าเพราะดวงดาวกำหนดผมมาทำหน้าที่ตรงนี้ ถ้าประเทศชาติหรือพรรคปชป.ไม่เกิดวิกฤตจนถึงจุดต่ำมากๆหมอวรงค์ไม่เกิด แต่มาถึงจุดหนึ่งที่ต้องอาศัยคนที่มีพลังใจ กล้าจะสู้ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง กล้าที่จะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ดวงดาวจึงกำหนดให้เพื่อนๆผมมาคุยกัน ฉะนั้นการที่ใครจะเชียร์ผมคงไม่ผิดหวังเพราะเป็นไปตามลิขิตแห่งดวงดาว

นพ.วรงค์กล่าวปราศรัยอีกว่า “ในชีวิตผมดวงดาวกำหนดความเปลี่ยนแปลงถึง 2 ครั้งๆแรกได้เป็นสส.พิษณุโลก ซึ่งเหตุการณ์คล้ายกับตอนนี้เป๊ะเลย และเชื่อไหมดวงดาววัดใจตัวเรา แนทดวงดาวจะกำหนดไว้สร้างเส้นชีวิตให้ตัวเรา แต่อุปสรรคเยอะมากเห็นหน้าผมยิ้มแจ่มใส หน้าชื่นอกตรม เพราะต้องสู้กับอำนาจรัฐ ต้องสู้กับคนที่มีอำนาจ แต่ผมสู้สู้ด้วยหัวใจจริงๆ แล้วบอกเลยว่าผมเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้ เมื่อครั้งลงสมัครส.ส.ครั้งแรกเมื่อปี 2554 แต่สามารถล้มแชมป์มาได้ด้วยเพราะหัวใจและความขยัน”

“เช่นเดียวกับตอนนี้ที่ผมต้องเดินทางไปปราศรัยและพบพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ โดยไม่กลัวและจะบอกพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า เขาจะมีอำนาจอะไรก็ตามแต่ผมไม่เคยกลัวเพราะมีประชาชนให้การสนับสนุน และต้องการสื่อสารกับประชาชนว่าหมอวรงค์ของจริงใจสู้ใจสู้และใจสู้ และตั้งใจจะเดินทางไปพบประชาชนตั้งแต่เหนือสุดจนถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะผมเชื่อว่าคนที่มาจากประชาชนไม่เหมือนกับคนที่มาจากเจ้านาย เพราะคนที่มาจากเจ้านายเขาก็ต้องทำงานสนองเจ้านาย แต่คนที่มาจากประชาชนก็ต้องทำงานตอบสนองต่อประชาชนอย่างเต็มที่”นพ.วรงค์กล่าว