แก้ขัดปัสสาวะด้วยตำรับยากะเพรา ภูมิปัญญาไทยผสมฝรั่ง ในพระโอสถพระนารายณ์

คนเราทั้งหญิงและชายเมื่ออายุย่างเข้า 50 ระบบทางเดินปัสสาวะเริ่มขัดลำกล้อง เคยฉี่พุ่งแรงก็เริ่มหยดย้อย กะปริดกะปรอย หรือกระทั่งปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ

อันเป็นอาการทั่วไปของความผิดปกติที่เรียกว่า “ปัสสาวะขัด” (Dysuria) ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองหรือติดเชื้อที่เนื้อเยื่อบริเวณทางเดินปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หรือบริเวณใกล้ๆ อวัยวะเพศ

ซึ่งอาการจะแตกต่างกันออกไปตามสาเหตุหรือตำแหน่งของโรคที่เป็น เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อย แต่ออกทีละน้อย ปัสสาวะขุ่น มีกลิ่นแรง หรือปัสสาวะเป็นเลือด มีอาการเจ็บที่ท้องน้อยบริเวณใกล้กระเพาะปัสสาวะ กรวยไตอักเสบ

โดยทั่วไปแล้ว ลักษณะเบื้องต้นของอาการ “ขัดปัสสาวะ” คือ รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย เจ็บบริเวณท้องน้อยจนอั้นไม่อยู่ ถ้าปล่อยไปโดยไม่แก้ไขอาจเกิดอักเสบจากการติดเชื้อ เป็นไข้ ซึ่งต้องไปโรงพยาบาลด่วนเพราะอาจลุกลามถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดได้

จึงต้องป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ด้วยการดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเป็นอย่างน้อย เพื่อขับของเสียออกจากระบบปัสสาวะ พร้อมกับรับประทานยาควบคู่กันไปด้วย

 

อาการขัดเบา ฉี่กะปริดกะปรอย เป็นโรคเก่าแก่ที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงวัยที่มีภารกิจมากจนลืมการดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ดังนั้น จึงมีตำรับยาไทยโบราณสำหรับการรักษาอาการขัดปัสสาวะในหมู่ชนชั้นสูงด้วย

ในบรรดาคัมภีร์ยาไทยดีๆ ที่น่าเชื่อถือนั้น ตำราพระโอสถพระนารายณ์ นับเป็นคัมภีร์หนึ่งที่น่าเชื่อถือที่สุด เพราะเป็นแหล่งรวมสูตรตำรับยาที่ใช้ถวายการรักษาพระเจ้าแผ่นดิน มาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จุดเด่นคือ เป็นแหล่งรวมตำรับยาไทยหลายสัญชาติ ทั้งไทย จีน แขก ฝรั่ง โดยดูจากราชทินนามแพทย์หลวงที่ประกอบพระโอสถถวาย ในที่นี้ขอกล่าวถึงยาแก้ขัดปัสสาวะ ดังนี้

“ยาแก้ขัดปัสสาวะ เอากะเพราเต็มกำมือหนึ่ง ดินประสิวขาวหนัก ๒ สลึง บดให้ละเอียด เอาใบชาต้มเป็นกระสาย ละลายถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนิพพานท้ายสระให้เสวย เมื่อเสวยพระโอสถแล้ว กราบทูลให้เสวยพระสุธารสชา ตามเข้าไปภายหลังอีก ๒ ที ๓ ที ซึ่งขัดปัสสาวะนั้น ไปพระบังคลเบาสะดวกข้าพระพุทธเจ้า พระแพทย์โอสถฝรั่ง ประกอบทูลเกล้าถวาย ได้พระราชทานเงินตราชั่งหนึ่ง”

ชื่อบรรดาศักดิ์แพทย์หลวงผู้ประกอบพระโอสถตำรับนี้ก็บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นหมอหลวงฝรั่ง ยามีส่วนประกอบสำคัญเพียง 2 สิ่ง เป็นพืชวัตถุหนึ่ง และธาตุวัตถุอีกหนึ่ง แถมยังใช้น้ำชาเป็นกระสายต่างจากกระสายยาไทยทั่วไป แต่ก็มีประสิทธิผลในการแก้อาการขัดปัสสาวะได้ชะงัด หมอหลวงจึงได้รับพระราชทานรางวัลถึง 1 ชั่ง

หากเป็นตำรับยาไทยที่ใช้แก้ขัดปัสสาวะต้องเข้าเครื่องยาหลายสิ่ง ยกตัวอย่างเช่น ใน คัมภีร์มหาโชตรัต อันเป็นนรีเวชศาสตร์ของไทย มีตำรับ “ยาบวรนาภี” ใช้แก้ขัดปัสสาวะ ขัดหัวหน่าวปวดท้องน้อย ซึ่งต้องเข้าเครื่องยาสมุนไพรถึง 22 สิ่ง

นี่ยังไม่นับตำรับยาแก้ขัดปัสสาวะในคัมภีร์โรคนิทานชื่อ “ปโตฬาธิคุณ” ซึ่งมีส่วนประกอบสมุนไพรถึง 28 สิ่ง เป็นต้น

แม้จะเป็นตำรับยาฝรั่ง แต่ก็สามารถอธิบายสรรพคุณยาตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยได้

กะเพรา (Ocimum tenuiflorum L.) ในที่นี้จะใช้ กะเพราขาว หรือ กะเพราแดง ก็ได้ เป็นพืชผักสวนครัวที่คนไทยใช้ปรุงอาหารง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน หากไม่รู้จะกินอะไร ก็กินข้าวผัดกะเพราไว้ก่อน (ฮา) จนฝรั่งเรียกกะเพราว่า “ไทยเบซิล (Thai Basil)” เพราะเข้าใจว่าเป็นผักพื้นบ้านไทย ทั้งที่ความจริงแล้วกะเพราเป็นพฤกษาศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ

คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่า มหาปราชญ์กรีกนามอริสโตเติลเป็นผู้ตั้งชื่อผักชนิดนี้ว่า เบซิเลียส (Basileus) อันเป็นรากศัพท์ของคำภาษาอังกฤษที่เรารู้จักกันดีว่า เบซิล (Basil) แปลว่า “ราชา” เชื่อว่ามีการใช้ใบกะเพราปรุงยาถวายกษัตริย์ยุโรปมาแต่ครั้งโบราณแล้ว

ทางอินเดียเองก็มีสตอรี่เรื่องกะเพราเก่าแก่ไม่แพ้กัน เรียกขานสมุนไพรนี้ในชื่อของ พระแม่ตุลสี (Tulsi) เทวีแห่งการรักษาเยียวยาผู้สถิตอยู่ในต้นกะเพรา ซึ่งใช้ในพิธีกรรมบูชาเทพเจ้าหลายองค์ของชาวฮินดู ปรากฏอยู่ในคัมภีร์อาถรรพเวทมากว่า 3,000 ปี

กะเพราจึงได้ชื่อว่าเป็นพืชพันธุ์ของพระเจ้า (Holy Basil)

แต่ชาวอินเดียไม่นิยมนำกะเพรามาปรุงอาหารเหมือนคนไทยซึ่งไม่มีสตอรี่ศักดิ์สิทธิ์อะไรเลยด้วยซ้ำ

แต่ไทยเราก็ใช้เป็นยาเก่าแก่ในตำรับยาประสะกะเพราแดง แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด ซึ่งใช้ได้ดีกับเด็กทารกอายุแค่เดือนเดียวไปจนถึงผู้ใหญ่

และฤทธิ์ขับลมของกะเพรานี่แหละที่ช่วยขับเหงื่อ ขับน้ำนม และขับปัสสาวะได้ดีด้วย

 

ส่วน ดินประสิว ที่ใช้ในตำรับ คือ เกลือโพแทสเซียมไนเตรต ซึ่งหมอไทยก็ใช้ประกอบยาในชื่อของเกลือสุนจะละหรือเกลือสุรจะระ ที่ได้จากการต้มมูลค้างคาว ใช้ขับปัสสาวะและขับเหงื่อได้อย่างดีมาก

ในทางเคมีเภสัชนั้น โพแแทสเซียมไนเตรตใช้เป็นยารักษาภาวะกรวยไตอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ

แต่ทางคลินิกเราอาจจะไม่พบเห็นการใช้โพแทสเซียมไนเตรตเป็นยาเดี่ยว หากจะใช้ในรูปแบบเป็นส่วนประกอบของสูตรตำรับ และพบว่าสารไนเตรทที่แตกตัวออกมาจากโพแทสเซียมไนเตรต ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว และส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ช่วยให้เนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ ในสูตรตำรับนี้ให้ใช้ผงดินประสิวเพียง 7.5 กรัม เท่านั้นเพื่อความปลอดภัย

สำหรับ น้ำกระสายใบชาต้ม ในที่นี้ได้จากชาจีนที่ฝรั่งนิยมเป็นเครื่องดื่มกันมาช้านานหลายร้อยปีในชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Thea sinensis L. ชื่อก็บอกว่าเป็น “ชาจากประเทศจีน” (คำว่า Thea ในภาษาละติน เป็นคำเดียวกับ Tea ในภาษาอังกฤษ และ sinensis แปลว่ามาจากจีนนั่นเอง) มีสรรพคุณขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ ช่วยให้กระชุ่มกระชวย

แต่ถ้าดื่มมากเกินไปจะทำให้มีอาการเหน็บชา และเป็นโรคโลหิตจางได้

ดังนั้น การดื่มชาจีนแก้ขัดปัสสาวะ ตำรับนี้จึงระบุว่าให้ดื่มน้ำชาจีนต้มกะเพราละลายดินประสิวเพียงครั้งเดียว และดื่มชาจีนตามเพียง 2 ถึง 3 ครั้งเท่านั้นก็ได้ผลแล้ว

หากคุณมีอาการขัดลำกล้องที่แก้ไม่ตก ให้ดื่มชากะเพราตำรับของหมอหลวงฝรั่งอันเก่าแก่นี้ดู รับรองได้ผล โดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าหมอแพงเหมือนในยุคสมเด็จพระนารายณ์ •

 

 

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ | โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง

มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaihof.org