เผยแพร่ |
---|
(20 พ.ย.) พ.อ.ปิยพงษ์ กลิ่นพันธ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การเชิญ “เบส-อรพิมพ์ รักษาผล” นักพูดสาวชื่อดัง มาบรรยายให้กับกำลังพลกองทัพบกโดยมีอัตราค่าตอบแทนที่สูงว่า
“ใครเป็นวิทยากรที่เก่งๆ ทั้งที่ป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิชาการต่างๆ ทางกองทัพก็จะเชิญมาให้ความรู้กับกำลังพลเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะน้องเบสคนเดียว ซึ่งการเชิญน้องเบสมาเป็นวิทยากรนั้นก็เพราะเป็นคนพูดโน้มน้าว สร้างความรู้สึกที่ดี และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยหน้าที่คสช. เองก็ปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามหน้าที่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะเชิญวิทยากรมาพูดเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบัน เพื่อให้กำลังพลได้รับทราบข้อมูล เราก็เชิญวิทยากรมาบรรยายให้ความรู้ถือเป็นเรื่องปกติ” พ.อ.ปิยพงษ์ กล่าว
พ.อ.ปิยพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นในเรื่องค่าตอบแทนวิทยาการนั้น ตนไม่ได้รู้รายละเอียดการจ่ายค่าตอบแทน ว่าจะจ่ายชั่วโมงละ 300 บาท 800 บาท หรือไม่ แต่ประเด็นคือเราเชิญวิทยากรมาพูดในบางครั้งวิทยากรท่านนั้นก็ไม่ได้เรียกค่าตัว เพราะเขาตั้งใจมาทำงานมาด้วยความสมัครใจ ซึ่งปกติแล้ววิทยากรก็จะมีเรทของการใช้งานซึ่ง โดยหลักการของกระทรวงทบวงกรม ก็จะมีเรทเป็นของการจ่ายค่าตอบแทนวิทยากรอยู่แล้ว ทั้งนี้ ตามหลักการใช้งบประมาณในการบริหารราชการแผ่นดิน จะมีเรทในการจัดประชุมการจัดสัมมนา แต่เรทค่าตอบแทนน้องเบสนั้น ตั้งไว้ในการบรรยายภายนอกที่เป็นภาคเอกชนก็อีกเรื่องหนึ่ง
“อย่าไปมองเรื่องค่าตัว แล้วมาจับผิดกันว่ากองทัพบกต้องไปจ่ายเป็นชั่วโมงละ 30,00 บาท 2 ชั่วโมง 60,000 บาท อย่าไปมองประเด็นอย่างนั้น แต่อย่าให้มองว่ากองทัพเอาวิทยากร ที่มีความรู้ความสามารถ มาบรรยายให้กับกำลังพลถึงการแสดงออกในการจงรักภักดี แต่ตอนนี้กระแสสังคมกลับกลายเป็นว่า พออธิบายไปเรื่องหนึ่ง ก็ไปขยายบิดเบือนไปอีกเรื่องหนึ่ง เพราะว่ามีกลุ่มคนที่จุดกระแสเรื่องเหล่านี้อยู่ เพื่อต้องการให้นำไปสู่ความแตกแยก” พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว
พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวต่อว่า “ในฐานะที่เป็นคนไทย และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เราต้องเทิดทูนและรักษาไว้ ซึ่งตนคิดว่าตรงนี้เป็นแก่นสาระมากกว่าไปมองเรื่องของการจ้างเรื่องของที่มาที่ไป หรือไปมองว่าเป็นเครื่องมือของกองทัพ และคสช. อย่างไรก็ตาม ตนขอให้คนไทยมีสติต่อรับรู้ รับฟัง คิดวิเคราะห์ แยกแยะให้ออกว่าประเด็นที่เกิดขึ้นในโซเชียลเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ที่อาจจะไปพูดพาดพิงพี่น้องคนไทยที่อยู่ทางภาคอีสาน แต่เท่าที่ได้ติดตามในการพูดเราก็มองกลางๆ ว่าน้องเบสมีความจงรักภักดี เพราะฉะนั้นเนื้อหาโดยรวมคิดว่าเขาอาจจะพูดพาดพิงคนที่ไม่ได้จงรักภักดี ที่เป็นคนส่วนน้อย ที่ยังมีภาพการเคลื่อนไหวอยู่ในโลกโซเชียล ซึ่งตนเข้าใจว่าน่าจะพูดตรงนั้นมากกว่า”