ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 พฤศจิกายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
HYPNOTIC
‘สะกดจิต’
กำกับการแสดง
Matt Angel และ Suzanne Coote
นำแสดง
Kate Siegel
Jason O’Mara
Dule Hill
Jaime M. Cullica
Hypnotic เป็นหนังเขย่าขวัญเรื่องใหม่ทางเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งออกมาในช่วงเทศกาลปล่อยผี หรือฮัลโลวีนของโลกตะวันตก
บอกเสียเลยก็ได้ว่า หนังไม่ได้ให้ประสบการณ์แปลกใหม่ หรือชวนตื่นเต้นอะไรนักหนา นอกไปจากความระทึกใจเล็กๆ น้อยๆ ของเรื่องราวที่คาดเดาทิศทางได้ไม่ยาก
เสน่ห์ชวนดึงดูดใจที่สุดของหนังคงจะมาจากนางเอกสุดสวย เคต ซีกัล นี่เอง
เราอาจจะเคยเห็นหน้าค่าตาของเธอมาแล้วในหนังธริลเลอร์หลายเรื่อง อย่างเช่น Oculus, Hush, Ouija : Origin of Evil และหนังชุดทางเน็ตฟลิกซ์ The Haunting of Hill House
เห็นหน้าสวยๆ ผุดผ่องอิ่มเต็มของเคต ซีกัล แล้ว ทำให้นึกถึงนักแสดงสาวสุดสวยในวงการหลายคน อย่างเช่น Liv Tyler (คงยังจำ “อาร์เวน” ใน Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring กันได้นะคะ)
และแม้แต่แคทรียา แมคคินทอช ของไทยเรา ก็มีส่วนละม้ายไม่น้อย
และในหนังเรื่องนี้ ความงามสมบูรณ์แบบของเธอก็เป็นเครื่องล่อเธอเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างที่ไม่มีใครต้องการ
หนังเปิดเรื่องด้วยภาพของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังอยู่ในอาคารสำนักงานตามลำพังในยามวิกาล เธอหวาดกลัวและระแวงว่ามีใครหรืออะไรกำลังปองร้ายเธออยู่ เธอโทรศัพท์หาตำรวจ แต่ก็ไม่สำเร็จ
เธอเข้าไปในลิฟต์คนเดียวอย่างกลัวๆ กล้าๆ และเมื่อลิฟต์ปิดลง เธอตะลีตะลานรับโทรศัพท์โดยเข้าใจว่าเป็นสายโทร.กลับของนักสืบที่เธอเพิ่งจะโทร.หา แต่ปรากฏว่าเป็นเสียงของผู้ชายคนอื่น ซึ่งกล่าวถ้อยคำสั้นๆ เพียงประโยคเดียว
และแล้วผนังลิฟต์ก็บีบเข้าหาเธอจากสองฝั่ง…เธอหวาดกลัวสุดขีด…ไม่มีทางหนีรอดไปไหนพ้น…
แต่หญิงสาวในตอนเปิดเรื่องคนนี้ไม่ใช่นางเอกของเรื่อง
นางเอกของเรื่องคือ เจนน์ (เคต ซีกัล) ผู้กำลังตกอยู่ในภาวะสูญเสียอย่างหนักทั้งในชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน
เจนน์หมกตัวอยู่กับตัวเองเยี่ยงคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต แทบไม่ยอมพบปะผู้คน
และเพียงออกจากบ้านมางานขึ้นบ้านใหม่ของเพื่อนสนิท ซึ่งเปิดประตูออกมารับ และพบเจนน์ยื่นกระถางต้นไม้เหี่ยวๆ ให้ตามธรรมเนียมของแขกที่มาร่วมงาน โดยบอกว่าเธอซื้อไวน์มาเตรียมไว้ให้เป็นของขวัญ แต่ก็ดื่มหมดไปแล้ว เลยเอาต้นไม้ที่บ้านติดมือมาฝากแทน แต่ความปล่อยปละละเลยสิ่งรอบตัว ทำให้ต้นไม้เหี่ยวเฉาไปแล้ว
และนั่นคือเมื่อตอนที่เพื่อนสนิทของเจนน์ทำท่าไม่อยากให้เจนน์เข้าไปร่วมงาน เนื่องจากมีแขกมางานอีกคนที่ได้รับเชิญในนาทีสุดท้าย เนื่องจากเจ้าภาพไม่คิดว่าเจนน์จะมาร่วมงาน
แขกคนนั้นคือไบรอัน (เจมี เอ็ม. คัลลิกา) ซึ่งเป็นอดีตคู่หมั้นของเจนน์ที่เลิกรากันไปด้วยสาเหตุที่ยังไม่แจ้งชัด
แต่ก็ดูเหมือนยังอาลัยอาวรณ์กันอยู่ไม่น้อย
ในงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของเพื่อนรัก เจนน์ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับ ดร.คอลลิน มี้ด (เจสัน โอมารา…อีกครั้งที่เห็นแล้ว ดูเหมือนเคยเห็นหน้าตาแบบนี้มาก่อน แล้วก็นึกออกว่ามีหน้าตาละม้ายแม้น บิล พูลแมน นั่นเอง)
ดร.มี้ดได้รับการแนะนำว่าเป็นจิตแพทย์ประจำตัวของจีนา เพื่อนรักผู้ห่วงใยสุขภาพจิตของเจนน์มาก
เจนน์เอ่ยถึงความผิดปกติอย่างหนึ่งซึ่งเธอสังเกตเห็นและปากไวพูดออกมาทันที คือ เธอเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างจิตแพทย์กับคนไข้น่าจะอยู่ในแวดวงอาชีพเท่านั้น โดยไม่ขยายออกมาเป็นความสัมพันธ์ในวงสังคม
แต่ ดร.มี้ดก็ตอบข้อขัดข้องด้านจริยธรรมระหว่างความสัมพันธ์ของแพทย์กับคนไข้ได้อย่างคล่องแคล่วลื่นไหลและดูเป็นเหตุเป็นผล
ก่อนจากกัน เขาทิ้งนามบัตรไว้ให้เจนน์โดยหวังว่าเขาจะช่วยเจนน์ได้ในโอกาสต่อไป
ในแง่ของความประดักประเดิดระหว่างเจนน์กับไบรอัน ที่บังเอิญมาเจอกันเข้าในงานโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นได้ชัดว่าเจนน์ยังตัดใจไม่ขาดจากไบรอัน แต่ก็ยังมีอุปสรรคที่เป็นประดุจหุบเหวขวางกั้นระหว่างคนทั้งคู่
เจนน์ยังตกอยู่ในสภาพเศร้าซึมหดหู่อย่างหนัก อดีตยังคงตามหลอกหลอนอยู่ ทำให้ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้
และด้วยการยุยงสนับสนุนของเพื่อนรัก เจนน์ยอมไปรับการบำบัดจาก ดร.มี้ดเป็นครั้งแรก ซึ่งก็ดูมีอะไรไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง
เพราะเขาใช้การบำบัดด้วยการสะกดจิต ซึ่งทำให้เจนน์ไม่ได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับตัวเธอในช่วงที่รับการบำบัดอยู่นั้น
ผู้เขียนเคยนึกถึงเรื่องการสะกดจิตบ่อยๆ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในหนังอาชญากรรมหรือหนังสยองขวัญหลายเรื่อง พาลทำให้นึกว่าตัวเองคงไม่ยอมให้ใครมาสะกดจิตแน่ เพราะผู้ถูกสะกดตกอยู่ในสภาพของผู้เสียเปรียบทุกประการ เป็นการใช้อำนาจจิตบังคับบัญชากลไกการทำงานของจิตใต้สำนึก ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของสมองในยามปกติ
น่ากลัวพิลึกล่ะ ถ้าจะให้มีใครเอาอะไรมาใส่ไว้ในหัวของเรา โดยเราไม่รู้ตัว และสั่งการให้เราทำอะไรเหมือนเป็นหุ่นยนต์ใต้บังคับบัญชา
ในกรณีเช่น เข้าไปกระตุ้นความหวาดกลัวระดับพื้นฐาน ทำให้เกิดปฏิกิริยาโต้ตอบที่เหนือการควบคุมของผู้ถูกสะกดจิต
หนังสยองขวัญทั้งหลายมักกำหนดให้จิตแพทย์เป็นโรคจิตเสียเอง ซึ่งชวนให้สยดสยองอย่างยิ่ง เพราะการถูกควบคุมจิตไว้ในบังคับบัญชาของผู้อื่น ย่อมเป็นสิ่งที่เราทั้งหลายไม่ปรารถนา
น่าจะคาดเดาได้ว่าเรื่องจะลงเอยอย่างไรในหนังประเภทนี้ จะผิดไปก็แต่รายละเอียดของเหตุการณ์และสถานที่
ใครใคร่ดูและมีเวลาจะดู ก็เชิญดูนะคะ อาจจะเข้ากับบรรยากาศของช่วงฮัลโลวีนดีก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้ดู ก็ไม่ถึงกับพลาดอะไรไปหรอกค่ะ