สำเริงคดี : ฉัน…ที่พวกคุณไม่เห็น / ทรงวาด

by Chris Jackson/Getty Images

 

 

ฉัน…ที่พวกคุณไม่เห็น

 

ระยะหลังนี้ ปรินซ์แฮร์รี่บอกเปิดใจกับหลายสื่อ อาทิ กับนักเขียนเรื่องราชวงศ์แองเจลา เลวิน

เธอจึงทวีตไว้เมื่อ 24 พฤษภาคม ว่า ‘แฮร์รี่ยังคงเครียดคิดอยู่ว่าเขาจะสูญเสียเมแกนไปเช่นเดียวกับที่เคยสูญเสียไดอาน่า พระมารดา’

แฮร์รี่บอกเล่ากับแองเจลาผู้เขียน ‘HARRY : CONVERSATION WITH THE PRINCE’ ว่า การเสียชีวิตของพระมารดา ทำให้เขาเสพเหล้าและยาในวัยหนุ่ม

ดยุคแห่งซัสเซกซ์สารภาพด้วยว่า เขารู้สึกละอาย เมื่อเมแกน (39) บอกเขาว่าเธอคิดจะฆ่าตัวตาย ตอนที่ท้องอาร์ซี

“เธอครุ่นคิดเรื่องฆ่าตัวตายถึงขั้นวางแผนวิธีการที่จะใช้จบชีวิต แต่ที่เธอเลิกล้มความคิดนั้นเพราะได้คิดว่ามันไม่ยุติธรรมต่อผม หลังสูญเสียแม่ไปแล้ว ผมยังมาอยู่ในจุดที่กำลังจะสูญเสียผู้หญิงในชีวิตไปอีกคนโดยลูกของเราอยู่ในท้องของเธอด้วย!”

และในซีรีส์สารคดีชุด ‘THE ME YOU CAN’T SEE’ ซึ่งมีโอปราห์ วินฟรีย์ ร่วม co-created ก็เป็นการฝานแผ่ซอยเผยช่วงชีวิตการไปทำจิตบำบัดของเจ้าชายวัย 36

 

 

ปัญหาทางจิตใจของแฮร์รี่ คือการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของพระมารดาในอุบัติเหตุรถคว่ำขณะพุ่งหนีฝูงปาปารัซซี่ในฝรั่งเศสเมื่อเดือนสิงหาคม 1997 ตอนนั้นเขาอายุแค่ 12

“คนที่เคยเจ็บปวดจะเข้าใจความเจ็บปวดได้จากคนที่เลี้ยงดูเขา จากสิ่งแวดล้อมของเขา ตลอดจนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา แล้วเขาจะค่อยๆ เข้ากระบวนการหลอมความรู้สึกเหล่านั้นให้เป็นประสบการณ์หนึ่งซึ่งเขาจะสามารถควบคุมได้”

“แต่ไม่มีใครพูดถึงหรือยอมให้ผมพูดถึงความเจ็บปวดครั้งนั้น คนในครอบครัวมักบอกผมว่า เล่นไปตามเกมเถอะน่ะ แล้วชีวิตจะง่ายขึ้น แต่มีแม่อยู่ในตัวผมมากเกินไป และผมก็ติดแหง็กอยู่กับปัญหานั้น ผมไม่อยากคิดถึงแม่ เพราะทุกครั้งที่คิด ผมก็จะตระหนักตระหนกในความเป็นจริงที่ว่า ผมไม่สามารถนำแม่กลับมาได้ แล้วผมก็จะเศร้าตรม จะทุกข์โศก จะคับแค้นคลั่งใจ”

 

ในวัยปลาย 20 แฮร์รี่ถูกกระหน่ำด้วยอาการทางจิตที่เรียกว่า Panic attack and seve anxiety

“ทุกครั้งที่ผมก้าวออกไปข้างนอกและเห็นกล้อง ผมจะสติแตก อุณหภูมิในตัวสูงขึ้น 2-3 องศา หน้าตาผมคงแดงก่ำ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร ทว่ามันทำให้ผมรู้สึกเคอะเขิน”

การปาร์ตี้หัวราน้ำเป็นวิธีหลบหนีปัญหาของเจ้าชายหนุ่ม “ผมอยากกินเหล้า อยากเสพยา อยากลองทุกอย่างที่รู้สึกว่าจะทำให้ความคับข้องใจบรรเทาลง ผมได้พบว่าตัวเองไม่ได้ปาร์ตี้เพราะสนุก แต่เพราะพยายามจะปิดบังบางอย่างเอาไว้ ต่อมาผมยังกลายเป็น Mister Yes ที่ยอมไปทุกประเทศ ทุกแห่งที่ครอบครัวต้องการ แต่คนอื่นไม่สะดวก ผมกลายเป็นคนที่ปฏิเสธไม่เป็น จนทำให้ตัวเองหมดไฟไร้เรี่ยวแรง ช่วงเวลาที่ผมมีความสุขก็คือ 10 ปีที่อยู่ในกองทัพ เพราะที่นั่นไม่มีการปฏิบัติเป็นพิเศษใดๆ กับสมาชิกพระราชวงศ์”

“เมื่อผมพบรักกับเมแกน บรรดาสื่อในสหราชอาณาจักรต่างแสดงอาการเหยียดผิว มันเป็นปัญหาที่ทำให้เราเจ็บปวด ทีแรกเราหวังความช่วยเหลือจากครอบครัว เราทั้งบอกเล่า ร้องขอ และเตือนภัย แต่สิ่งที่เราได้รับ มีแต่เพียงความเงียบงัน เราถูกละทิ้งโดยสิ้นเชิง”

“4 ปีที่เราพยายามทำให้ชีวิตแต่งงานเข้าสู่พระราชวงศ์เวิร์ก แต่ไร้ผล จนเมแกนคิดฆ่าตัวตาย ผมโกรธตัวเอง เพราะรู้ว่าจะไม่สามารถได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากครอบครัว”

 

 

สุดท้ายแฮร์รี่ก็เข้ารับการบำบัดทางจิตอีกครั้ง

“จิตบำบัดทำให้ความรู้สึกขัดแย้งและถูกกดดันผุดโผล่ขึ้นมาบนผิวหน้า เหมือนใครเปิดฝาหม้อที่เดือดพล่าน ผมรู้ว่าถ้าผมไม่ทำ ผมจะสูญเสียผู้หญิงของผมไป เรามีเรื่องที่ต้องเรียนรู้มากมายในความสัมพันธ์ของเรา” เธอช็อกเมื่อได้เห็นเขาในห้วงมีปัญหาทางจิตใจ “เธอบอกว่าผมกลับไปเป็นเด็กชายอายุ 12 โดยไม่รู้สึกตัว”

แฮร์รี่ยังไม่ต้องการให้ลูกชายของเขามีปัญหาทางอารมณ์ความรู้สึกเหมือนเช่นที่เขาเคยมีเคยเป็นเมื่อครั้งอยู่ในพระราชวงศ์

“ผมมีลูกที่ต้องปกป้อง พ่อของผมเคยบอกผมกับวิลเลียมว่า ชีวิตก็เป็นอย่างนี้แหละ พ่อเคยโดนมาแล้ว ลูกๆ ก็ต้องผจญกับมันเหมือนกัน แต่ผมคิดว่าไม่ ถ้าคุณรักลูก คุณจะพยายามทุกทางที่จะเปลี่ยนสิ่งที่เป็นลบให้เป็นบวกสำหรับลูก เราต้องเลือกสุขภาพจิตของลูกเป็นอย่างแรก”

“ผมจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก”