E-DUANG : แนวโน้ม”ใหม่” ปะทะ”เก่า” กรณี นักการเมือง กับ พระ

ทำไม”ปฏิกิริยา”ในสังคมต่อกรณีนักการเมืองอาวุโสแห่งพรรคประชาธิปัตย์สร้างสายสัมพันธ์ทางเพศกับมหาหนุ่มอ่อนวัยกว่าจนปรากฏเป็นข่าว

ที่แม้จะไม่พอใจ แต่ดำเนินไปคล้ายกับเป็น”ปฏิกิรยา”ในลักษณะเหมือนกับจะ”ยอมรับ”มากขึ้น

เด่นชัดว่าเป็น”การยอมรับ” แต่มิได้หมายความว่า”เห็นด้วย”

คำตอบหนึ่งอาจเป็นเพราะเป็นพฤติกรรมอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ และเจ้าตัวที่เรียกขานว่าเป็น”นักการเมือง”ก็เสมอเป็นเพียง”สมาชิกพรรค”

ทั้งยังเป็นผู้สมัครสส.ที่”สอบตก” ยังไม่สถานะเป็น”สส.”และมิได้มีบทบาทเป็น”แกนหลัก”ภายในของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าในยุคใหม่ ไม่ว่าในยุคเก่า

เมื่อเป็นพรรคประชาธิปัตย์จึงมองเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาในแบบปรกติอย่างยิ่ง เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์มีความอื้อฉาวใน เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศอันสับสนมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน

ขณะเดียวกัน ความแหลมคมยิ่งจากกรณีนักการเมืองอาวุโสกับมหาหนุ่มครั้งนี้อยู่ที่ดำรงอยู่ในลักษณะการเกิดซ้ำต่อเนื่อง

ต่อเนื่องจนเรื่องที่คิดว่า”อื้อฉาว”กลายเป็น”ธรรมดา”ปรกติ

 

บทสรุปที่อยู่บนความรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาอย่างปรกตินี้เองกำลังจะกลายเป็น”แนวโน้ม”ใหม่ในทางสังคม ไม่ว่าในเรื่องทางเพศ ไม่ว่าในเรื่องทางศีลธรรม

อย่างเช่นปรากฎการณ์การเต้นในแบบ”ลืมหูดซิป”ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างแพร่หลายในสังคม

แม้จะเป็นการเต้นประชิดกับ”วัดพระแก้ว”ก็สามารถรับได้

ในงานเทศกาล เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ บริเวณท้องสนามหลวงอันแผ่ขยายไปยังสนามไชย หน้ากระทรวงกลาโหมติดกับพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว

ไม่ว่าจะเป็นการเต้นในแบบ”ยามแช่ม” ไม่ว่าจะเป็นการเต้นในแบบ”ลืมหูดซิป” ไม่ว่าจะเป็นการเต้นอย่างเย้ายวนในท่วงทำนองแบบ”เค ป็อบ”ก็มิได้เป็นเรื่องน่าตระหนก

การมีเพศสัมพันธ์ระหว่าง”นักการเมืองอาวุโส” ที่ร่วมขึ้นสวรรค์พร้อมกันกับ”มหาหนุ่ม”จึงกลายเป็นปรกติในสังคม

 

ไม่ว่าจะมองผ่านทาง”ความคิด” ไม่ว่าจะมองผ่านทาง”การเมือง” สังคมไทยอยู่ในห้วงแห่งหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งสำคัญ

เกิดการปะทะระหว่าง”ใหม่” กับ”เก่า” อย่างแหลมคม

มีคำถามปรากฏขึ้นมากมาย ตามมาด้วยคำอธิบายอันหลากหลาย ดำรงอยู่บนความขัดแย้ง ทั้งในทาง”ความคิด”และที่ดำรงอยู่ในทาง”การเมือง”

ความเคยชินนั่นแหละคือพื้นฐานแห่งความเป็นธรรมดาอย่างปรกติและดำรงอยู่อย่างเป็นวิถีใหม่ของสังคม