เผยแพร่ |
---|
ในฐานะที่เคยเป็น”แฟนพันธุ์แท้”พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เผชิญกับแรง กระทบจากพรรคเพื่อไทยอย่างเยือกเย็น
เป็นความเยือกเย็นภายใต้วาทกรรมอันเป็นท่วงทำนองซึ่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชมชอบในการเอ่ยอ้าง
นั่นก็คือ รับฟังอย่างมี”วุฒิภาวะ”ตัดสินใจอย่างมี”วุฒิภาวะ”
อาจไม่ร้อนแรงเหมือนกับที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ตอบโต้เมื่อปะทะเข้ากับบางถ้อยคำอันมาจาก นายเสรี สุวรรณภานนท์ หรือมาจาก นายสมชาย แสวงการ
นั่นก็คือ ดำเนินไปภายใต้กลยุทธ์ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เมื่ออีกฝ่ายเล่นถึง”บิดา” ก็ยืนยันที่จะเอา”บิดา”มาสวนกลับอย่างฉับพลันทันใด
นั่นก็คือ เมื่ออีกฝ่ายใช้คำว่า”เด็ก”เพื่อด้อยค่าและแสดงความเหนือกว่าในฐานะแห่ง”ผู้อาวุโส” ก็พร้อมที่จะนำเอากะโหลกกะลามาเป็นบทสร้อยเสริมเติมขยาย
แต่เมื่อมีการเสนอให้นำเอา”ตะกร้อ”มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ท่าทีของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เปี่ยมด้วยความสุขุม
สะท้อนลักษณะ”เยือกเย็น” แต่ก็มีความ”ร้อนแรง”
แม้ความร้อนแรงจะเป็นท่วงทำนองอันยืนยันความเป็นจริงของสิ่งที่เรียกว่า”เยาวภาพ” แต่ก็ต้องยอมรับว่าเยาวภาพจากกระบวนท่าดำเนินไปอย่างเยือกเย็น สุขุม
นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพลังแห่งการปะทะมีรากฐานมาอย่างไรและเริ่มต้นจากจุดใดในทางการเมือง
เมื่อมาจากพรรคเพื่อไทยก็ต้องให้ความเคารพ
เป็นความเคารพในฐานะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เคยเป็นโหวตเตอร์ให้กับพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทย ด้วยความศรัทธา
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร มีเสื้อแดงอันมาพร้อมกับคำที่ว่า”ไพร่” อันเป็นเสื้อในลักษณะเดียวกันกับที่ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ มี
การตอบโต้จึงดำเนินไปอย่างไม่มีการตอบโต้
ในความเป็นจริง การตอบโต้ผ่านกระบวนท่า”ไม่ตอบโต้”กลับกลายเป็นกระบวนท่าอันมากด้วยพลัง และเท่ากับเป็นการส่งสัญ ญาณโดยตรง
ไปยังเจ้าของ”คำพูด”อันมีบทบาทอย่างสูงใน”เพื่อไทย”
อาศัยคำว่าไม่ตอบโต้เพื่อเป็น”สัญญาณ”ในการเตือนให้ตระ หนักในท่วงทำนองของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เอง และในท่วง ทำนองเจ้าของคำพูดจากพรรคเพื่อไทยเด่นชัด
ในอีกด้านจึงเท่ากับยืนยันว่าใครมี”วุฒิภาวะ” ใครมีวุฒิภาวะเหนือกว่าในทางการเมือง