เผยแพร่ |
---|
ระหว่างปรากฎการณ์ “ไม่เป็นรอง”ของ พี่โอม ค็อคเทล กับ ปรากฏการณ์”ก้าวให้ไกลกว่าเดิม”ของ พี่เสก โลโซ มีทั้งเหมือน มีทั้งความต่าง
ต่างตรงที่”ไม่เป็นรอง”สะท้อนแรงดาลใจในเรื่องความรัก แรงพิสวาสเชิง”ปัจเจก”อย่างเด่นชัด มีเป้าหมาย มีความต้องการที่แน่นอนดำรงอยู่
เพียงแต่ในห้วงแห่งการเคลื่อนไหวหาเสียงบรรดา”กองเชียร์”ของพรรคก้าวไกลได้นำไปประกอบส่วนเป็นส่วนหนึ่งอันสะท้อนการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล
ไม่ว่าจะเป็นภาพของ พี่ทิม พิธา ไม่ว่าจะเป็นภาพของ พี่ไหม ศิริกัญญา และบังเอิญอีกเหมือนกันที่สอดรับกับ”ความรู้สึก”ของสังคม
กล่าวสำหรับกรณีของ”ก้าวให้ไกลกว่าเดิม”แรงดาลใจของ พี่เสก โลโซ มีความแจ่มชัดจากชะตากรรมของพรรคก้าวไกลที่ถูกปัดปฏิเสธความรัก เยื่อใยและความผูกพัน
ความรู้สึกของ”ก้าวไกล”จึงสอดสวมกับความรู้สึกของ พี่เสก โลโซ อย่างเด่นชัด
มอง”ส่วนตัว”ก็ได้ มอง”การเมือง”ก็ได้
ไม่ว่าจะอธิบายถึงกำเนิดแห่งศิลปะด้วยทฤษฎีของใคร เป็นทฤษฎีของ ศิลป พีระศรี เป็น ทฤษฎีของ วิทย์ ศิวศริยานนท์ เป็นทฤษฎีของ บรรจง บรรเจิดศิลป์
ล้วนยอมรับตรงกันว่า มาจาก”อารมณ์”ของ”ศิลปิน” ไม่ว่าจะเป็นบทกวี ไม่ว่าจะเป็นบทเพลง ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม
ขณะเดียวกัน ก็เป็นอารมณ์ที่สัมพันธ์กับ”การดำรงอยู่”
นี่เป็นเรื่องของศิลปะ นี่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมอันสัมพันธ์อยู่กับเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง และกำลังรุกคืบเข้าไปมีบทบาทต่อสังคมอย่างลึกซึ้งเป็นลำดับ
กรณีของ”ไม่เป็นรอง”อาจเป็นการเลือกสรรมาจากบทสรุปของ”กองเชียร์”พรรคก้าวไกล กรณีของ”ก้าวให้ไกลกว่าเดิม”สร้างจุดบันดาลใจให้บรรดา”ด้อม”พรรคกองไกลโดยตรง
ทั้งหมดนี้สะท้อนบทบาท”วัฒนธรรม”ต่อ”การเมือง”
จากกรณีของ”ไม่เป็นรอง”มายังกรณีของ”ก้าวให้ไกลกว่าเดิม”จึงไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างศิลปะกับการเมือง
หากแต่ยังเป็นรูปธรรมการรุกคืบของ”รูป”แห่ง”จิตสำนึก”
เป็นจิตสำนึกที่ตระหนักว่าการเมืองคือชีพจรแห่งชีวิต ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งต่อสังคม มีผลในทาง”ความคิด” ส่งแรงสะเทือนในทาง”การเมือง”
ไม่ว่าจะมองผ่านบทบาทของ เสนีย์ เสาวพงศ์ ไม่ว่าจะมองผ่านบทบาทของ พี่โอม ค็อคเทล หรือบทบาท พี่เสก โลโซ