เผยแพร่ |
---|
ประหนึ่งว่าการประชุมสภาในวันที่ 2 พฤศจิกายน จะเป็นการชี้ชะ ตาและอนาคตทางการเมือง
1 ร่างพรบ.สุราก้าวหน้า 1 พรรคก้าวไกล
เนื่องจากพรรคก้าวไกลโดย นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร มีบทบาทเป็นอย่างสูงการขับเคลื่อนและผลักดันกระทั่งสามารถผ่านวาระ 1 มาได้
เนื่องจากเป้าหมายอย่างสำคัญอันปรากฏออกมาผ่านวิปรัฐ บาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้หารือร่วมกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ว่าไม่สามารถให้ผ่านวาระ 2 และวาระ 3 ได้
ทุกสายตาจึงมิได้ทอดมองไปยังเส้นทางของร่างพรบ.สุราก้าวหน้า และบทบาทของพรรคก้าวไกลว่าจะปกป้องและพัฒนาร่างพรบ.สุราก้าวหน้าไปอย่างไร
ในอีกด้านหนึ่งสังคมยังทอดมองไปยังทิศทางของพรรคร่วม รัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์
พรรคชาติไทยพัฒนา ว่าจะดำเนินไปอย่างไร
จึงเท่ากับชี้ถึงพลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปในตัว
พลังของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สำแดงผ่านหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจ ไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา
จึงเป็นพลังที่ดำเนินไปอย่างมีลักษณะ”ร่วม”และก่อให้เกิด ความผูกพัน
นั่นก็คือ ทุกมือที่ปัดปฏิเสธร่างพรบ.สุราก้าวหน้าย่อมผูกพันในลักษณะเป็นพันธะสัญญาเช่นเดียวกับคำบัญชาอันมาจากนายกรัฐมนตรี
นี่จึงกลายเป็นคำถามในทางการเมือง กลายเป็นสะพานเชื่อมร้อยรัดในทางการเมือง
ก่อให้เกิดรูปใหม่ โฉมหน้าใหม่ต่อเนื่องถึงรัฐบาลปี 2566
ร่างพรบ.สุราก้าวหน้าจึงเป็นรูปธรรมสำคัญในการประลองกำลังในทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐ มนตรีอย่างแหลมคมยิ่ง
คะแนนจากพรรคร่วมรัฐบาลจึงเป็น”เงาสะท้อน”การเมือง
ที่เคยคิดว่ามีความขัดแย้งกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นจริงหรือไม่ ที่เคยคิดว่าพรรคภูมิใจไทยอาจแยกตัวออกมาเป็นอีกขั้วหนึ่งเป็นจริงหรือไม่
การประชุมในวันที่ 2 พฤศจิกาจนจึงมากด้วยความแหลมคม