มติพรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะเสนอยุบพรรคภูมิใจไทยจากปมว่าด้วย“กัญชาเสรี” มีความร้อนแรงและแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง

ทุกสายตาพุ่งตรงไปยัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อย่างจริงจัง

ไม่เพียงเพราะดำรงอยู่ในสถานะแห่ง”ผู้นำฝ่ายค้าน”ในสภาผู้แทนราษฎร หากแต่ยังดำรงอยู่ในสถานะแห่ง”หัวหน้าพรรค”เพื่อไทย

ความล่อแหลมเป็นอย่างสูงเนื่องจากพรรคเพื่อไทยคือความต่อเนื่องมาจากพรรคพลังประชาชน และพรรคพลังประชาชนคือความต่อเนื่องมาจากพรรคไทยรักไทย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ย่อมรู้ดีว่าพรรคพลังประชาชนถูกยุบเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 ขณะที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบเมื่อเดือน พฤษภาคม 2550

แม้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว มิได้รับผลสะเทือนโดยตรง นายจาตุ รนต์ ฉายแสง คือผู้รับหน้าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คือผู้รับหน้าเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551

ความเจ็บปวดจากสถานการณ์พรรคถูกยุบเป็นอย่างไรหลายคนในพรรคเพื่อไทยย่องตระหนักรู้เป็นอย่างดี

รู้ดีว่ากระบวนการยุบพรรคดำเนินไปอย่างสองมาตรฐาน

 

การเลือกเอากระบวนการยุบพรรคมาหารือและปรากฏเป็นมติออกมาในนามของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงได้กลายเป็นประเด็นแหลมคมในทางการเมือง

คำแย้งจากพรรคภูมิใจไทยซึ่งแถลงโดย นายศุภชัย ใจสมุทร จึงสะท้อนความรู้สึกได้อย่างไม่ควรมองข้าม

ก่อนมาเป็นนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร เคยเป็นคนของพรรคไทยรักไทย เคยเป็นคนของพรรคพลังประชาชน

ในฐานะนักกฎหมาย นายศุภชัย ใจสมุทร ย่อมรู้ดี ในฐานะคนของพรรคที่ผ่านการถูกยุบมาแล้วโดยศาลรัฐธรรมนูญ นายศุภ ชัย ใจสมุทร ย่อมรู้ดี

คำถามของพรรคภูมิใจไทย คำถามของ นายศุภชัย ใจสมุทร

จึงเท่ากับเป็นคำถามตรงไปยังพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว

 

จังหวะก้าวของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ต่อกรณีที่จะเสนอยุบพรรคภูมิใจไทย จึงได้กลายเป็นความละเอียดอ่อนหนึ่งในทางการเมืองซึ่งสะท้อนคุณภาพและจุดยืนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน

เทียบกับการยุบ ไทยรักไทย พลังประชาชน อนาคตใหม่

เป็นคำถามไม่เพียงแต่ต่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว  หากแต่ยังเป็นคำถามไปยัง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์รรคก้าวไกล

คำถามนี้จำเป็นต้องมีคำตอบ และคำตอบต้องเป็นที่กระจ่าง