ปรากฏการณ์ 1 ธันวา บอกลา”เครื่องแบบ”นักเรียนกำลังส่งแรงสะ เทือนอย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง

ไม่เพียงแต่จะสัมผัสได้จาก #เทพล่ม อันอึกทึกครึกโครม

หากแต่สิ่งหนึ่งซึ่งปรากฏผ่านการขานรับจากการเคลื่อนไหวของนิสิตบางมหาวิทยาเพื่อนำไปสู่การผ่อนปรนในเรื่องเครื่องแบบ

นี่ย่อมเป็น”ปรากฏการณ์”อันแปลกอย่างควรพิจารณา

ต้องยอมรับว่า นักเรียนได้รับผลสะเทือนจากการเคลื่อนไหวโดย”เยาวชนปลดแอก”เมื่อเดือนกรกฎาคม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิป ไตย

เห็นได้จากในเดือนสิงหาคมได้เกิดปรากฏการณ์ 1 ชู 3 นิ้วในระหว่างการเคารพธงชาติ และตามมาด้วยปรากฏการณ์ 1 ผูกริบบิ้นสีขาวไม่ว่าที่ผม แขน หรือที่กระเป๋าเรียน

จากนั้นก็ค่อยๆขยายเข้าไปถึงเครื่องแบบและทรงผมที่นักเรียนประสบการกดทับอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง

นั่นแสดงออกผ่าน”นักเรียนเลว” นั่นแสดงผ่าน”ภาคีนักเรียน”

 

เมื่อปฏิกิริยาของนักเรียนพุ่งไปยังทรงผมและเครื่องแบบในเบื้องต้นสังคมประเมินว่าเป็นเรื่องของแฟชั่น เป็นเรื่องการทำอะไรตามใจในแบบของเด็กๆ

หารู้ไม่ว่า ไม่ว่าเรื่องของทรงผม ไม่ว่าเรื่องของเครื่องแบบสัมพันธ์กับรูปการปกครอง สัมพันธ์กับการกดทับอย่างลึกซึ้ง

ต่อเมื่อได้มีการเอ่ยถึงคำว่า”อัตลักษณ์”และ”ทางเลือก”

เรื่องของทรงผม เรื่องของเครื่องแบบ จึงทะลวงเข้าไปยังกระบวนการในทางความคิด อันเป็นรากฐานนำไปสู่การจัดระเบียบ และการกดทับระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก

ยิ่งมีการถกแถลง อภิปรายกว้างขวางออกไปเพียงใด ยิ่งตระหนักในการดำรงอยู่แห่ง”อำนาจนิยม”ภายในระบบการศึกษาอันส่งผ่านจากรัฐไปยังโรงเรียน

และคนที่ต้องรับกรรมรุ่นแล้วรุ่นเล่าก็คือ “นักเรียน”

การลุกขึ้นมาประท้วงและเรียกร้องของนักเรียนในเรื่องเครื่องแบบคือจังหวะก้าวสำคัญในการต่อสู้ทางความคิด

 

ปรากฏการณ์ 1 ธันวา บอกลา”เครื่องแบบ”ของนักเรียนอาจเป็นจำ นวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับนักเรียนส่วนใหญ่ แต่ที่ตามมาด้วย #เทพล่ม คือผลสะเทือนเหมือนกับระลอกคลื่น

เชื่อได้เลยว่าการต่อสู้ของนักเรียนในปี 2564 จะเป็นประเด็นที่แวดล้อมอยู่กับ”เครื่องแบบ”ด้วยความคึกคักหนักแน่นยิ่งขึ้น