E-DUANG : มุมมอง วิเคราะห์ เพื่อไทย ​​​ห่วงใย จาก ประชาธิปัตย์

ท่าทีต่อการแยกตัวของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และของ นายสุพล ฟองงาม จากบางคนใน”พรรคประชาธิปัตย์”น่าวิเคราะห์ น่าศึกษา อย่างเป็นพิเศษ

จุดเน้นอยู่ที่เป็นบุคคลระดับ “เลขาธิการ”

เพราะว่าทั้ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายสุพล ฟองงาม เคยเป็นเลขาธิการพรรคไทยรักไทยมาก่อน

บางคนใน”พรรคประชาธิปัตย์”จึงให้”ความหมาย”

คล้ายกับจะเน้นว่า นี่คือ ปัญหาที่ดำรงอยู่ภายในพรรคเพื่อไทย นี่คือ สัญญาณบ่งบอกว่าการพังทลายของพรรคเพื่อไทยจะติดตามมาในไม่ใช้

ตามสำนวน รงค์ วงษ์สวรรค์ ก็ต้องว่า “ไม่นานเกินรอ”

 

ความจริง กรณีอย่างเดียวกันนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ มาแล้ว

ไม่ต้องย้อนไกลไปถึงยุค นายเทพ โชตินุชิต

เอาแค่เพียงในห้วง 1 และ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ก็เคยมีคนระดับเลขาธิการพรรคอย่างน้อย 2 คนเคยแยกตัวออกไป

1 ก็คือ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์

1 ก็สดๆร้อนๆนับแต่ก่อนและภายหลังมาตรการ”ชัตดาวน์”ของ”มวลมหาประชาชน” นั่นก็คือ กรณีของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แยกไปจัดตั้งพรรคมหาชนกับ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แยกไปจัดตั้งพรรครวมพลังประชา ชาติไทยกับ นายเอนกเหล่าธรรมทัศน์ อีกนั่นแหละ

แต่”พรรคประชาธิปัตย์”ก็ยังยืนเด่นโดยท้าทาย มิใช่หรือ

 

กล่าวในเชิงเปรียบเทียบนับแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน กระทั่งพรรคเพื่อไทย ก็ใช่ว่าไม่เคยมีการแยกตัว

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ไม่ได้ร่วมกับพรรคพลังประชาชน

เมื่อไม่มี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เมื่อไม่มี นพ.สุรพงษ์สืบวงศ์ลี ก็มี นายภูมิธรรม เวชยชัย มิใช่หรือ

และแม้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะไม่อยู่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็ยังอยู่ดีมีสุขกับพรรคเพื่อไทย มิใช่หรือ

การดำรงอยู่ของ”เพื่อไทย”ก็ไม่ต่างไปจาก”ประชาธิปัตย์”

จะต่างก็เพียงแต่ยังสามารถกุม”ชัยชนะ”ได้อย่างต่อเนื่อง