เผยแพร่ |
---|
หากมองผ่าน “ม่านน้ำตา” อันพรั่งพรูออกจากเบ้า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็จะมองเห็นความสำเร็จ
1 เป็นความสำเร็จในด้านที่เสียสละ
ประเมินผ่านบทสรุปจากอดีตกปปส.ระดับนักเขียนภาพล้อการเมือง และนักรัฐศาสตร์ ก็จะประจักษ์ในความชื่นชม
ดื่มด่ำกับความต้องการปรองของ”ลุงกำนัน”
ขณะเดียวกัน 1 เป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงในเชิงคุณธรรม การเมือง
เห็นว่าเป็นการไม่อยู่ในร่องในรอย ตระบัดสัตย์
ประเมินผ่านบทสรุปจากอดีตกปปส.ระดับผู้กำกับการแสดงก็จะประจักษ์ในความเจ็บปวด
นี่คือ”ปฏิกิริยา”ภายใน”กปปส.”
ในความเป็นจริง การหลั่งน้ำตาของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มิได้เป็นเรื่องใหม่ หากเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง
ไม่ว่าระหว่างหาเสียงเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554
ไม่ว่าระหว่างปราศรัยบนเวทีของกปปส.ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 กระทั่งก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
และท้ายสุดเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่มหาวิทยาลัยรังสิต
ถามว่าในการปราศรัยแต่ละครั้งเป้าหมายแท้จริงของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อยู่ที่ใด นั่นก็ขึ้นอยู่กับห้วงเวลาและเป็นเวทีใดในทางการเมือง
บ้างก็เป็นเวทีเลือกตั้ง บ้างก็เป็นเวที”ชัตดาวน์”และล่าสุดก็เป็นเวทีเพื่อสร้างความชอบธรรม จำเป็นต้องตระบัดสัตย์
แม้คำสัตย์ที่เคยพูดจะอยู่ระหว่างเป็น”พระ”ก็ตาม
การติดตามแต่ละ”ม่านน้ำตา”ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงจำเป็นต้องมองอย่างเห็นในบริบท แวดล้อม
และ”น้ำตา”เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ก็มิใช่”หยดสุดท้าย”
จะอ่าน”ปฏิกิริยา“ในเรื่องนี้อย่างรอบด้านมิใช่อ่านจากปรปักษ์หรือฝ่ายตรงกันข้าม
จำเป็นต้องอ่านจากคนที่เคยเป็นพวกเดียวกัน
นั่นก็คือ จำเป็นต้องอ่านจากพรรคประชาธิปัตย์ จำเป็นต้องอ่านจากกปปส. และล่าสุดก็จำเป็นต้องอ่านจากภายในพรรครวมพลังประชาชาติไทย
เพราะทั้งหมดนี้คือเป้าหมายในการสื่ออย่างแท้จริง