E-DUANG : มุมมอง สมบัติ บุญงามอนงค์ เมื่อมอง เพื่อไทย และ ก้าวไกล

ระหว่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ กับ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ เมื่อออกรายการเสวนาผ่านสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง หากจับแต่ละทีท่าและอาการจะสัมผัสได้ในความต่าง

รู้สึกในความเครียดผ่านสีหน้าและแววตาของ นายจตุพร พรหมพันธ์

ขณะที่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผ่อนคลายอย่างยิ่ง

อาจเป็นเพราะการเสวนามีจุดเริ่มมาจากความเห็นของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่มีต่อ นายทักษิณ ชินวัตร ในลักษณะอันเป็นคู่กรณีและเป็นต้นเรื่อง

อาจเป็นเพราะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ดำรงอยู่ทั้งในสถานะเป็น”เหยื่อ” เป็นผู้”ถูกกระทำ” และตกอยู่ในสภาพ”แตกสลาย”ในทางความรู้สึก

ขณะที่กล่าวสำหรับ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ดำรงอยู่เสมอ เป็น”ผู้สังเกตการณ์” จึงมีความเป็นอิสระอย่างสูงเมื่อมองไปยัง นายทักษิณ ชินวัตร

แม้เมื่อมีการยกกรณีของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลขึ้นมา นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ก็ให้ความเห็นอย่างเบาตัว

เบาตัวกระทั่ง”ลอย”อยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง

 

นั่นอาจเป็นเพราะ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ มิได้ลงลึกในความ สัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล

นี่ย่อมตรงกันข้ามกับสถานะของ นายจตุพร พรหมพันธุ์

เมื่อตอนที่เข้าร่วมในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในเดือนพฤษภาคม 2535 นายจตุพร พรหมพันธุ์ อาจกระทำในฐานะผู้นำนักศึกษาที่เดินเท้าจากวัดบวรนิเวศไปยังถนนราชดำเนิน

แต่เมื่อเข้าสัมพันธ์กับพรรคไทยรักไทย สัมพันธ์กับพรรคพลัง ประชาชน เข้าสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย บทบาทของเขาในฐานะแกนนำนปช.ลงลึกเป็นอย่างมาก

เป็นการลงลึกตามคำอธิบายของ อาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ว่าเป็นเสมือนองค์กรพันธมิตรองค์กรหนึ่งกับพรรคเพื่อไทย จึงสา มารถโยงยาวไปยัง นายทักษิณ ชินวัตร

จุดต่างเช่นนี้เองที่ทำให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ต้องเครียด

 

ณ วันนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อาจสรุปสถานะและความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับพรรคเพื่อไทยและกับ นายทักษิณ ชินวัตร ว่าดำรงอยู่อย่างไร

เช่นเดียวกับ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ก็ตระหนักตั้งแต่ต้น

เมื่อบทบาทและความสัมพันธ์ต่อพรรคเพื่อไทยระหว่าง นาย จตุพร พรหมพันธุ์ กับ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ มีความแตกต่างกัน ทรรศนะและมุมมองจึงแตกต่างไปด้วย

ท่าทีและการแสดงออกจึงเคร่งเครียดและผ่อนคลายต่างกัน