เผยแพร่ |
---|
ถามว่าบทบาทของ”คนรุ่นใหม่”ต่อการเลือกตั้ง”ครั้งหน้า”จะมีมากน้อยเพียงใด
หากดูจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 จะเห็นชัด
ผลสะเทือนจากความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ที่มีโหวต เตอร์มากกว่า 6 ล้านคะแนนเสียง พร้อมกับการได้มาซึ่ง ส.ส.สมากกว่า 80 คนเท่ากับเป็นรูปธรรม
แม้จะแพ้พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ แต่ก็สามารถเอาชนะพรรคการเมืองหลัก ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่า จะเป็นพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา
ผลสะเทือนจากพรรคอนาคตใหม่เห็นได้ชัดอย่างยิ่งที่แต่ละพรรคการเมืองพยายามจะเข้าหา”คนรุ่นใหม่” พยายามลอกเลียน แบบกระบวนการทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่
ไม่ว่าจะเป็นการดึงคนรุ่นใหม่มาเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการแตะเข้าไปยังนโยบายเกี่ยวกับ LGBTQ ไม่ว่าจะเป็นการแตะเข้าไปยังนโยบายเกี่ยวกับ”ชนเผ่า”
ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายที่กุมอำนาจก็เล่นบทรุนแรงผ่านกระบวนการยุบพรรคอนาคตใหม่หวังจะทุบทิ้งทำลาย
คำถามก็คือ สามารถทุบทำลาย และ บดขยี้ได้หรือไม่
หากดูจากปริมาณของ ส.ส.ที่ลดถอยลงจากกว่า 80 มาเหลือกว่า 50 ของพรรคก้าวไกลซึ่งถือเป็น”อวตาร”อย่างมีนัยสำคัญจากพรรคอนาคตใหม่
ก็ต้องยอมรับว่าการทุบและกระแทกพรรคอนาคตใหม่ส่งแรงสะเทือนต่อพรรคก้าวไกล
แต่ถามว่าความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ที่เดินหน้าเข้าหาคนรุ่นใหม่ สร้างนักการเมืองเผ่าพันธุ์ใหม่ แหลกละเอียดไปภายในพริบตาพลันหรือไม่
นอกเหนือจากพรรคก้าวไกลยังสามารถยืนระยะอยู่ได้และประการความพร้อมในแนวทาง”ก้าวไกล NEXT”แล้ว บทบาทของ”คนรุ่นใหม่”ก็ยังเป็นหมุดหมายของทุกพรรคการเมือง
ท่ามกลางการเกิดขึ้นของ”คนรุ่นใหม่” ท่ามกลางการเติบ
ใหญ่และต้องการเข้าไปมีบทบาทผ่านกระบวนการพรรคการเมือง
หากถือเอาบรรทัดฐานจากที่เห็นและเป็นอยู่ในห้วงก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 กระบวนของ”คนรุ่นใหม่”ยังมิได้มีการขับเคลื่อนอย่างมีการจัดตั้ง
แต่นับจากเดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นก็มีความแจ่มชัด
เป็นความแจ่มชัดผ่าน”เยาวชนปลดแอก” เป็นความแจ่มชัดผ่าน”แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม”
กระทั่งประกาศ#10สิงหาประชาธิปไตยไปต่อ ได้กึกก้อง