คำประกาศของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ว่าหากพรรคประชาธิ ปัตย์ได้รับเลือกตั้งเข้ามาต่ำกว่า 100 จะลาออกจากตำแหน่งหัว หน้าพรรค

มากด้วยความแหลมคม และมีลักษณะ”ท้าทาย”เป็นอย่างสูง ในทางการเมืองโดยเฉพาะต่อแฟนคลับ”ประชาธิปัตย์”

แต่เมื่อผ่านหลายเวที “ดีเบต” ทางการเมือง คำประกาศนี้กำลังได้รับการขยายผลพุ่งปลายหอกเข้าหาพรรคพลังประชารัฐ

ไม่เพียงแต่ถามว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้รับเลือกต่ำกว่า 100 จะยังผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่

คำถามนี้สะกิด”ต่อม”แห่งมโนธรรมทางการเมือง

 

ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคไทยรักษา ชาติ ไม่ว่าพรรคประชาชาติ ไม่ว่าพรรคเพื่อชาติ ไม่ว่าพรรคอนาคตใหม่

มีบทสรุป”ร่วม”โดยพื้นฐาน

นั่นก็คือ เป้าหมายของพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคประชาชนปฏิรูป คือ 126 เสียง

จากนั้นก็เอา 126 ส.ส.ไปผนวกตัวรวมพลังกับ 250 ส.ว.เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

เมื่อได้นายกรัฐมนตรีแล้วก็จะเปิดปฏิบัติการ”บีบ”

เป็นปฏิบัติการทั้งบีบและดึงเอาพรรคการเมืองอื่นให้เข้าไปร่วมรัฐบาล

ทุกอย่างเป็นไปตาม”ระบบโควตา” ส.ส.กี่คนเก้าอี้รัฐมนตรี

เป้าหมายก็คือพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา หากพรรคการเมืองใดแข็งขืนก็จะดำเนินยุทธการ “งูเห่า”

นั่นคือ แผนพรรคพลังประชารัฐ ที่วางเอาไว้

 

ข้อเสนอของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงไม่เพียงแต่เป็นสัญญาประชาคมภายในพรรคประชาธิปัตย์ แต่กำลังท้าทายไปถึงพรรค พลังประชารัฐด้วย

นี่ย่อมเป็นหมากกลทางการเมืองที่พรรคพลังประชารัฐมิอาจ มองข้าม

หากได้ต่ำกว่า 100 จะวางสถานะตัวเองอย่างไร