เหล้าปั่นมาจากไหน? (ไม่ได้อพยพมาจากภูเขาอัลไต)

เหล้าปั่นมาจากไหน? (จบ)

อ่านตอนแรก

ชนิดของเหล้ารัมเหล้ารัมแบ่งออกได้เป็นสามกลุ่มใหญ่ๆ คือ

1) เหล้ารัมแบบมีเนื้อสัมผัสเบา (Light-bodied) บางทีเรียกว่า white rum หรือ silver rum รัมชนิดนี้ราคาถูกที่สุดเพราะใช้เวลาบ่มไม่นาน (1 ปี) ที่พบเห็นได้ทั่วไปมีตัวอย่างเช่น Bacardi Superior

2) เหล้ารัมแบบมีเนื้อสัมผัสปานกลาง (Medium-bodied) บางทีเรียกว่า Gold rum เพราะมีสีทอง ซึ่งเกิดจากการหมักบ่มในถังไม้ (และอาจมีการแต่งสีเพิ่ม) จึงมีกลิ่นรสที่ซับซ้อนกว่าแบบแรก เช่น Mount Gay Eclipse และ Bacardi 8

3) เหล้ารัมแบบมีเนื้อสัมผัสเข้มข้น (Heavy-bodied) มีสีเข้มเป็นพิเศษซึ่งมักเกิดจากการบ่มในถังไม้โอ๊คเป็นเวลานาน (และแต่งสี) มีตัวอย่างเช่น Bacardi Black และ Myer”s เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีชนิดปลีกย่อย เช่น Spiced Rum ที่มีการผสมเครื่องเทศลงไปให้ได้กลิ่นรสเฉพาะตัว หรือรัมประเภท Rhum Agricole ซึ่งเป็นรัมชนิดพิเศษกลั่นจากน้ำอ้อยและผลิตในฝรั่งเศส

แต่ชนิดของรัมที่นิยมใช้ทำค็อกเทลมากที่สุดคือชนิดแรก เพราะมีกลิ่นรสเบาบาง สามารถกลมกลืนไปได้กับส่วนผสมที่หลากหลาย โดยเฉพาะไปกันได้ดีกับผลไม้ประเภทมะนาวหรือเลมอน

และค็อกเทล FROZEN DAIQUIRI ที่เราพูดถึงไปตั้งแต่ตอนแรก ก็ทำขึ้นโดยใช้รัมชนิดนี้เป็นเบสนั่นเอง

DAIQUIRI มาจากไหน?

เมื่อสหรัฐอเมริกาบังคับใช้กฎหมายห้ามขายเหล้าในช่วงปี 1920-1932 ผลที่ได้ก็คือการลักลอบจำหน่ายเหล้าเถื่อน โดยเฉพาะเหล้าที่ไม่ได้คุณภาพ เหล้าปลอม

แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เหล้ารัมที่เคยเสื่อมความนิยม ได้รับการปัดฝุ่นออกมาจากตู้เก่าเก็บอีกครั้งหนึ่ง

การห้ามขายเหล้ายังทำให้เกิดกระแสการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างแดน ซึ่งก็หมายถึงการเดินทางไปกินเหล้าที่นอกประเทศนั่นเอง โดยเฉพาะประเทศใกล้ๆ กันอย่างคิวบานั้นถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

จนกระทั่งเกิดเส้นทางใหม่ทางอากาศ ดังในปี 1920 เพียง 10 เดือนเท่านั้นหลังการห้ามขายเหล้า ปรากฏว่ามีการขนส่งผู้โดยสารด้วยเรือเหาะไปยังคิวบา

และต่อมาในปี 1927 Pan American Airways ก็เปิดเส้นทางการบินนานาชาติเดินทางไปยังคิวบาเป็นครั้งแรก

กล่าวกันว่า ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน ในเมืองหลวงของคิวบาคือฮาวานาจะเต็มไปด้วยชาวอเมริกันที่มาเที่ยวและหาความสำราญจากการดื่มกิน เกิดความนิยมการดื่มค็อกเทลหลายๆ แบบ

โดยหนึ่งในจำนวนค็อกเทลที่ได้รับความนิยมมากก็คือ DAIQUIRI

DAIQUIRI (ไดคีรี) คือค็อกเทลที่ใช้เหล้ารัมเป็นเบส ผสมเข้ากับน้ำมะนาว น้ำตาล และน้ำแข็ง เขย่าในเช็กเกอร์จนเย็นจัด

โดยตำนานการเกิดขึ้นของค็อกเทลชนิดนี้มีหลายตำนาน ซึ่งล้วนอ้างอิงไปยังชื่อเมือง Daiquiri ที่อยู่ในเขตคิวบา

อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใส่ใจหรือให้ความสำคัญกับตำนานเหล่านี้นัก เพราะในความเป็นจริง การดื่มเหล้ารัมผสมกับน้ำตาลและน้ำมะนาวก็ปรากฏมานานแล้วตั้งแต่ในคริสต์ศตวรรษที่ 18

และความโด่งดังของค็อกเทล DAIQUIRI นี้ก็น่าจะมีสาเหตุหลักมาจากความเรียบง่ายของมันนั่นเอง

ผนวกกับการนำสูตรของค็อกเทลชนิดนี้มายังสหรัฐตั้งแต่ในปี 1909 โดยนายทหารเรือผู้หนึ่ง ซึ่งทำให้ DAIQUIRI ได้รับความนิยมมากที่ The Army and Navy Club ในกรุงวอชิงตัน ดี. ซี. จนถึงกับมีการเปิด Daiquiri Lounge ขึ้น

อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับนักเขียนชื่อดังผู้เปรียบเสมือนตัวแทนของความเป็นอเมริกันทั้งมวล คือ Ernest Hemingway ว่าโปรดปรานเครื่องดื่มชนิดนี้มาก

และเครื่องดื่ม FROZEN DAIQUIRI ก็หมายถึงค็อกเทลชนิดนี้นี่เอง ที่ถูกนำมาปั่นในเครื่องปั่น Waring Blendor พร้อมน้ำแข็งก้อนเล็กๆ และได้ผลออกมาเป็นค็อกเทลที่เย็นจัดจนเปลี่ยนสภาพจากของเหลวกลายเป็นสิ่งที่คล้ายหิมะหรือไอศกรีม

แต่ Waring Blendor มาจากไหน?

กำเนิดเครื่องปั่น

Fred Waring เจ้าของเครื่องหมายการค้า Waring Blendor (ใช้ตัว o ในคำ Blendor) เป็นเจ้าของและผู้ควบคุมวงดนตรี Pennsylvanians ซึ่งถือเป็นวงดนตรีที่โด่งดังมากวงหนึ่ง และยังเป็นผู้จัดรายการวิทยุและโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในสมัยนั้น

Waring ไม่ใช่คนคิดค้นเครื่องปั่น Waring Blendor แต่เขาซื้อสิทธิ์จากผู้ประดิษฐ์ตัวจริงคือนาย Frederick Jacob Osius มาทำการปรับปรุงและเริ่มผลิตออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี 1938

ในหนังสือ How”s Your Drink : Cocktails, Culture, and the Art of Drinking Well (2007) ของ Eric Felten เล่าไว้ว่า แรกเริ่มเดิมที Fred Waring ต้องการที่จะโฆษณาผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ในฐานะอุปกรณ์ทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากกว่า

เห็นได้จากที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ทางวิทยุในปี 1938 ว่าเครื่องปั่นของเขาสามารถปั่นผักผลไม้ได้ทั้งแคร์รอต เซเลอรี ผักปวยเล้ง (spinach) สับปะรด ฯลฯ ก่อนจะถูกพิธีกรขัดจังหวะด้วยการถามว่า : ใครหรือที่จะกินสิ่งเหล่านี้ปั่นนอกจากป๊อปอาย?

คำถามนี้ทำให้ Waring เปลี่ยนกลวิธีโฆษณาในทันใด และเริ่มคุยอวดว่าด้วยเครื่องปั่นนี้ เขาสามารถทำเครื่องดื่มที่เรียกว่า FROZEN DAIQUIRI จำนวนถึง 420 แก้วภายในเวลาเพียงชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ เพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าปกติการทำ DAIQUIRI แต่ละแก้วนั้นโดยทั่วไปต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10-15 นาที

(เนื่องด้วยน้ำแข็งในสมัยนั้นถูกส่งมาในบาร์ในรูปแท่งสี่เหลี่ยมใหญ่ และบาร์เทนเดอร์ก็จะต้องทำการตัดและทุบหรือบดน้ำแข็งให้ได้ขนาดที่เล็กพอดีเสียก่อน จึงจะสามารถผสมลงในค็อกเทลเช็กเกอร์ แล้วหลังจากนั้นยังต้องใช้เวลาในการเขย่าเช็กเกอร์เพื่อให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันและเย็นจัด ซึ่งถือเป็นงานที่กินแรงอย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อต้องทำติดต่อกันหลายออร์เดอร์)

ความสามารถในการบดน้ำแข็งลงไปรวมกับส่วนผสมอื่นๆ และสร้างเป็นเครื่องดื่มชนิดใหม่ – FROZEN DAIQUIRI – จึงถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งสำหรับนักดื่มจำนวนมาก

นอกจากนั้น Waring ยังมีกลวิธีทำการตลาดที่ล้ำหน้า ด้วยการส่งเซลส์แมนแฝงตัวไปยังบาร์ต่างๆ ในฐานะนักดื่ม และถามหาเครื่องดื่มแปลกๆ เช่น Strawberry DAIQUIRI ซึ่งแน่นอนว่าบาร์ทั่วไปย่อมไม่สามารถทำได้ เพราะสตรอว์เบอร์รี่นั้นไม่สามารถนำมาคั้นน้ำได้เช่นเดียวกับมะนาว

และเมื่อถึงตอนนั้น เซลส์แมนของ Waring ก็จะเอาเครื่องปั่นนี้ออกมาให้บาร์เทนเดอร์ดู และแสดงให้เห็นว่าเครื่องปั่นนี้มีความพิเศษและสามารถปั่นสตรอว์เบอร์รี่ได้อย่างง่ายดายเพียงไร

จนในที่สุด เครื่องปั่นของ Waring ก็ได้รับความนิยมเริ่มจากในบาร์และร้านอาหาร ก่อนจะแพร่หลายไปสู่ครัวเรือนของคนทั่วไป และกลายมาเป็นเครื่องปั่นอย่างที่เรารู้จักคุ้นเคยกันในทุกวันนี้นั่นเอง

จาก FROZEN DAIQUIRI สู่เหล้าปั่น

ถ้าเครื่องปั่น Waring นี้สามารถทำ FROZEN DAIQUIRI ได้ ก็แปลว่ามันสามารถทำเหล้าชนิดอื่นๆ ให้ออกมาเย็นจัดด้วยวิธีเดียวกัน ดังนั้นเองความนิยมในการทำเหล้าปั่นจึงเริ่มแพร่หลาย เกิดเมนูใหม่ๆ มากมายโดยมีการใช้เหล้าหลายชนิดเป็นเบส

เช่น เกิดเป็น FROZEN MARGARITA (ใช้เหล้าเตกีลาเป็นเบส) และ FROZEN PINA COLADA (เหล้ารัมผสมน้ำสับปะรดและน้ำมะพร้าว) เป็นต้น

เกิดเครื่องดื่มที่ผสมน้ำหวาน น้ำผลไม้หลากหลายชนิดเข้ากับเหล้าว้อดก้า ซึ่งเป็นเหล้าที่ปราศจากรสและกลิ่น ดังนั้น จึงได้ผลลัพธ์เป็นเหล้าปั่นรสเปรี้ยวหวานอร่อยที่กินง่ายมาก จนในบางกรณีนั้นแทบไม่ผิดไปจากการดื่มน้ำผลไม้เลยทีเดียว

(อย่างไรก็ตาม นักดื่มที่ค่อนข้างจริงจังกับเรื่องของรสชาติมักเห็นว่าเหล้าที่ผ่านการปั่นกับน้ำแข็งนี้ได้สูญเสียรสชาติเดิมของความเป็นเหล้าไปแล้ว เพราะความเย็นจัดและหวานจัดนั้นทำให้กลิ่นรสของเหล้าสูญหายไป)

ปัจจุบัน เมืองนิว ออร์ลีนส์เป็นสถานที่ที่มีการจำหน่ายเหล้าปั่น FROZEN DAIQUIRI อย่างแพร่หลายที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีขายอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ทั้งในบาร์เหล้า และทั้งในร้านแบบที่บริการด้วยความรวดเร็ว มีเครื่องปั่นเครื่องผสมขนาดใหญ่ที่สามารถรินลงแก้วกระดาษได้ทันที และผู้ดื่มก็สามารถถือติดมือออกไปดื่มกินได้อย่างสะดวกสบายตามท้องถนน

และนี่เอง เป็นที่มาของเหล้าปั่นที่พบเห็นกันทั่วไปในบ้านเรา

เหล้าปั่นจึงไม่ได้อพยพมาจากภูเขาอัลไต

แต่มาจากเครื่องปั่น Waring Blendor ผสานกับความนิยมในเครื่องดื่ม FROZEN DAIQUIRI ของชาวอเมริกันซึ่งมีมานานกว่า 70 ปีแล้วต่างหาก

หมายเหตุ : ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ใช้ในการเขียนบทความนี้มาจากหนังสือ And a bottle of rum : A history of the new world in ten cocktails (2007) ของ Wayne Curtis