การ์ตูนที่รัก /นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์/Star Wars : The Clone Wars 2008

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

Star Wars : The Clone Wars 2008

ที่จะพูดถึงวันนี้คือหนังการ์ตูนสตาร์วอร์สสงครามโคลนฉบับความยาว 90 นาที ปี 2008 ที่ถูกนักวิจารณ์สวดยับ
ก่อนจะถึงสงครามโคลนฉบับนี้ เรียงลำดับการผลิตหนังการ์ตูนสงครามโคลนก่อน
หนังการ์ตูนสงครามโคลนฉบับแรกคือ Star Wars : Clone Wars หรือที่เรียกว่า Tartakovsky’s Clone Wars เป็นหนังการ์ตูนสั้นฉายทางช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์กจำนวน 25 ตอน ระหว่างปี 2003-2005
หนังแบ่งเป็น 2 ซีซั่น ซีซั่นแรกมี 20 ตอน ความยาวเพียงตอนละ 2-3 นาที ในขณะที่ซีซั่นที่สองมี 5 ตอน ความยาวตอนละ 15 นาที ทั้งหมดถูกนำมาเรียงต่อกันแล้ววางตลาดในรูปแบบโฮมวิดีโอโดยทเวนตี้เซ็นจูรี่ฟ็อกซ์ ได้รับคำชมและกวาดรางวัลไปมากรวมทั้งรางวัลเอ็มมี่ด้วย
งานนี้เป็นผลงานเขียนเรื่องและกำกับฯ โดย Genndy Tartakovsky โดยเล่าเหตุการณ์สงครามโคลนที่เกิดขึ้นระหว่างสตาร์วอร์สเอพิโสด 2 Attack of the Clones และเอพิโสด 3 Revenge of the Sith

 

 

หนังการ์ตูนสงครามโคลนฉบับที่สอง คือ Star Wars : The Clone Wars เป็นมินิซีรี่ส์ปี 2008 มีคำว่าเดอะหน้าคำว่าโคลนวอร์ส เรื่องนี้ออกฉายทางช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์กเหมือนกัน
แต่ครั้งนี้ผลิตเป็นการ์ตูนซีจีโดยจอร์จ ลูคัส และลูคัสฟิล์มเอง หนังออกฉายระหว่างปี 2008-2013 รวมทั้งหมด 5 ซีซั่น มีความยาวตอนละ 25 นาที โดยที่ซีซั่นแรกออกฉายพร้อมกับฉบับหนังยาว 90 นาทีที่จะพูดถึงวันนี้
ฉบับหนังยาว 90 นาทีนี้ชื่อ Star Wars : The Clone Wars เหมือนกัน กำกับฯ โดย Dave Filoni จัดจำหน่ายโดยวอร์เนอร์บราเธอร์ส มิใช่ฟ็อกซ์หรือดิสนีย์
แม้หนังจะไม่ถูกใจนักวิจารณ์แต่ทำรายได้ทั่วโลกมากมายตามเคย
เลือกซื้อให้ถูกเรื่อง

หนังเริ่มเรื่องที่สงครามบนดาวคริสทอปซิส (Christophsis) ระหว่างสาธารณรัฐ (Republic) กับสหพันธ์ (Confederate) ฝ่ายหนึ่งคือสมุหนายกพัลพาไทน์ โยดา โอบีวัน และอนาคิน สกายวอล์กเกอร์ พร้อมทั้งกองทัพโคลน อีกด้านคือกองทัพดรอยด์ และเคาต์กูดู
ระหว่างที่สงครามกำลังพันตูกันอย่างดุเดือด จู่ๆ โยดาก็ส่งนักเรียนเจไดฝึกหัด อาโซกา ทาโนะ (Ahsoka Tano) มาให้เป็นพาดาวันของอนาคิน อนาคินแสดงท่าทางรำคาญใจออกนอกหน้า ครั้นโอบีวันพูดว่าหากไม่ยอมรับเขาจะรับเอาไว้เอง อนาคินจึงยอมรับอาโซกาเป็นลูกศิษย์อย่างเสียไม่ได้
อาโซกาเป็นเด็กผู้หญิงจากเผ่าพันธุ์ Togruta บนดาว Shili มีส่วนที่คล้ายหางงอกออกจากด้านหลังของศีรษะ
อาโซกานี้เป็นตัวละครใหม่ เธอยังเป็นเด็ก มั่นใจในตนเอง คัดง้างอนาคินเป็นประจำ และเถียงคำไม่ตกฟาก
ตัวละครนี้แทรกเข้ามาเพื่อเป็นคู่ตรงข้ามกับอนาคินโดยเฉพาะแต่ก็ช่วยให้อนาคินได้มองเห็นตนเองในสถานะใหม่ และลดพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นลง
รวมทั้งปรับสัมพันธ์กับอาจารย์ของตัวคือโอบีวันไปในทางที่ดีขึ้น
แต่ก็ก่อนที่จะเข้าสู่ด้านมืดในท้ายที่สุด

กองทัพดรอยด์ดาหน้าเข้าหากองทัพโคลนอย่างเป็นระเบียบพร้อมรถถังและจักรกลแมงมุมโดยมีเกราะป้องกันแข็งแรง นั่นทำให้กองทัพโคลนถอยร่นไม่เป็นท่า
โอบีวันเปิดโต๊ะเจรจากับนายพลฝ่ายสหพันธ์ถ่วงเวลาให้อนาคินและอาโซกาลอบเข้าไปในเกราะเพื่อทำลายแหล่งกำเนิดพลังงานของเกราะนั้นทิ้ง
ปฏิบัติการร่วมกันเป็นครั้งแรกระหว่างอาจารย์ใหม่เอี่ยมอ่องและลูกศิษย์ใหม่ถอดด้ามเป็นไปด้วยความทุกลักทุเลและเสี่ยงตายก่อนที่จะทำสำเร็จในที่สุด
โยดาเดินทางมาถึงเมื่อกองทัพโคลนเอาชนะกองทัพดรอยด์ได้แล้ว
พร้อมทั้งถลึงตาใส่อนาคินเรื่องที่ได้ยินมาว่าเขาจะไม่ยอมรับอาโซกาเป็นศิษย์

ที่เล่ามาเป็นแค่ไตเติลนำเรื่องซึ่งกินเวลานานจุใจ โยดานำโครงเรื่องหลักมาให้นั่นคือจับบาเดอะฮัทได้ขอความช่วยเหลือมาทางสมุหนายกพัลพาไทน์แห่งสาธารณรัฐให้อัศวินไจไดตามหาลูกน้อยที่ถูกลักพาตัวไป เป็นหน้าที่ของอนาคินและอาโซกาที่จะออกตามหาลูกน้อยของจับบาพร้อมทั้งกระชากหน้ากากผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัว
โยดารู้ว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน หากเจไดหาผู้ร้ายไม่พบ จับบาจะโกรธและไม่ยินยอมให้สาธารณรัฐผ่านเขตแดนของจับบาอีก นั่นจะทำให้กองทัพโคลนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดูจากแรงจูงใจเช่นนี้ผู้บงการการลักพาตัวจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเคาต์ดูกูซึ่งทำงานให้สหพันธ์และกองทัพดรอยด์อยู่
แต่นักดูหนังสตาร์วอร์สย่อมรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นผู้ร้าย คือสมุหนายกพัลพาไทน์ แต่ที่อาจจะไม่ชัดเจนนักคือจ้าวแห่งด้านมืดต้องการให้เกิดอะไรขึ้นมากกว่านั้น ประเด็นการลักพาลูกน้อยของจับบานี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในหมู่นักวิจารณ์ว่าเป็นพล็อตฟุ่มเฟือย
แต่ก็ช่างเถอะ ดูเพลินเป็นใช้ได้

โอบีวันทำหน้าที่เป็นทูตถ่วงเวลาอีกแล้ว เขาเดินทางไปดาวทาทูอิน ฉายเดี่ยวเข้าสู่ป้อมปราการของจับบาในลักษณะเดียวกันกับที่ลุค สกายวอล์กเกอร์ จะทำในตอนต้นเอพิโสด 6 Return of the Jedi เพื่อช่วยชีวิตฮันโซโล
ในขณะเดียวกัน อนาคินและอาโซกาติดตามร่องรอยไปจนถึงดาวเทธ (Teth) และได้เผชิญหน้ากับลูกศิษย์สาวของเคาต์ดูกู คือ อาสาจ เวนเทรส (Asajj Ventress) อาสาจเป็นเผ่าพันธุ์ Dathomirian จากดาว Rattatak ศีรษะล้านใช้ดาบเซเบอร์คู่เป็นอาวุธ ท่าทางน่าเลื่อมใส ยามร่ายรำอาวุธคล่องแคล่วว่องไวหน้าเกรงขาม นี่ขนาดเป็นการ์ตูนยังดูดีเลย
ทั้งอาโซกาและเวนเทรสจะกลายเป็นตัวละครที่มีคนชื่นชอบมากในเวลาต่อมาและมีบทบาทอีกมากในจักรวาลของสตาร์วอร์ส
เรื่องยังไม่จบ วุฒิสมาชิกแพดเม่ อมิดาลา รักต้องห้ามของอนาคินคลางแคลงใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอเดินทางไปพบซิโร่เดอะฮัท (Ziro) ซึ่งเป็นลุงของจับบาบนดาวคอรัสซังต์ (Coruscant) เธอพบแผนการร้ายซับซ้อนที่นี่เอง
ซับซ้อนจนงง ต้องกรอกลับดูใหม่แล้วทำความเข้าใจอย่างจริงจัง
อันที่จริงหนังก็สนุกดี ที่แปลกตาระคนแปลกใจคือลายเส้นอะนิเมชั่นเองที่ออกจะดูประดักประเดิดไม่สมกับเป็นงานของลูคัสฟิล์มเท่าไรนัก แต่ดนตรีประกอบก็ช่วยได้บ้าง
เรื่องสงครามโคลนนี้จะหนักสมองมากขึ้นไปอีกหากได้อ่านหนังสือการ์ตูน 9 เล่มจบระหว่างปี 2003-2006 ของดาร์กฮอร์สซึ่งการ์ตูนที่รักเคยเขียนถึงแล้ว
สาระเพียบ เผด็จการจงพินาศ