กาละแมร์ พัชรศรี : แสงเหนือ (ความคาดหมาย)

เวลาเห็นแสงเหนือตามรูปใครๆ ที่เขาไปมา เราก็อยากเห็นแบบเขาบ้าง…

แต่พอได้ยินเรื่องของแต่ละคน มันรู้สึกยากเย็นและต้องตามล่า ตามหา รอคอย หนาวเหน็บ และบางคนไปตั้งหลายคืนก็ยังไม่เห็น

ทำให้นักเดินทางที่มีความอดทนอย่างเรา…ท้อใจ เออกรูไม่ดูก็ได้ (วะ) (ฮา)

ยิ่งเพื่อนบางคนบอกว่า ต้องดูในช่วงฤดูหนาวคือประมาณธันวาคมถึงมีนาคม และปีที่แล้วจะเป็นปีสุดท้ายที่เห็นแสงชัด ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันช่างดูยากเย็นเหลือเกิน

เอาเป็นว่า พักเรื่องแสงเหนือไว้ก่อน

 

การเดินทางไปนอร์เวย์ครั้งนี้ ไม่ได้คาดหวังและลืมไปด้วยว่าที่จะไปคือเมือง Lofoten นั้น เป็นเมืองที่สามารถเห็นแสงเหนือได้ เพราะคิดแต่จะไปชมวิว ขับรถเล่น และสัมผัสความหนาว สูดอากาศบริสุทธิ์เท่านั้น

นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีภูมิประเทศสวยงามมาก ถ้าให้เทียบประเทศอื่นในยุโรปที่เคยไปมา นอร์เวย์คืออันดับหนึ่งในใจเสมอ

ไปตอนหน้าร้อนว่าสวยแล้ว เพราะเห็นสีเขียวๆ ฟ้าๆ เต็มไปหมด

มาฤดูหนาวก็สวยอีกแบบ

ภูเขาที่ยังมีหิมะปกคลุม น้ำใสปิ๊งเหมือนกระจก เป็นเงาสะท้อนกับภูเขา ฟ้าสีฟ้าในวันที่แดดออก บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบ นานๆ จะเจอผู้คนสักที

เวลาเราเห็นคนมาเดินริมถนน เราจะตกใจและตื่นเต้นมาก ตะโกนกันว่า “มีคนด้วยๆๆ” คิดดูแล้วกันว่า ประชากรเขาน้อยขนาดไหน

เดือนที่ไปคือเมษายน เป็นเดือนที่เขาตากปลาค้อดกัน ซึ่งอาชีพหลักของนอร์เวย์คือ เป็นชาวประมง ทำได้รายได้ดีมาก ดูจากรถยนต์ที่ขับกัน BMW VOLVO แถมรุ่นใหม่ทั้งนั้น

พอเขาได้ปลามา เขาก็เอามาตากบนแผงปลา ซึ่งทำเป็นรูปสามเหลี่ยมเหมือนหลังคาขนาดใหญ่ แล้วตากปลาห้อยลงมา แยกหัวกับตัว กลิ่นตลบอบอวลไปหมด

จนเราแซวกันว่านี่เราอยู่แถวสมุทรสาครกันหรือเปล่า เพราะกลิ่นคุ้นเคยมาก

ตากตัวปลาไม่เท่าไหร่ เจอแผงที่ตากแต่หัวปลาดูสยองมาก เพราะมันเยอะมากเป็นล้านๆ หัวก็ว่าได้

บางแผงก็มีนกมาจิกกิน สยดสยองยิ่งนัก

 

การเที่ยวนอร์เวย์ ขับรถเที่ยวเองเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะเราสามารถหยุดได้ตามที่ใจเราต้องการ จะหยุดเพื่อถ่ายรูป พักผ่อน หรือดื่มด่ำกับบรรยากาศให้นานแค่ไหนก็ได้อย่างที่เราต้องการ เพียงจอดรถให้ดี ปลอดภัยตรงที่เขาให้จอด

วิวบางที่ก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาว่ามันคือสิ่งที่อยู่บนโลกมนุษย์จริงๆ เหรอ นี่มันคือของจริงที่เราสามารถเห็นด้วยตาเปล่าจริงๆ เหรอ ภาพที่ได้เห็น มันสะกดสายตาเราจริงๆ

เดินทางถึงวันแรก เราไม่ได้จะไปดูแสงเหนืออะไร และไม่มีใครพูดถึง จนวันที่สองที่เราเห็นว่าท้องฟ้าตอนกลางวันแดดจ้า ฟ้าเคลียร์เป็นสีฟ้าสด เพื่อนที่เป็นช่างภาพจึงบอกว่า

“วันนี้เราจะไปดูแสงเหนือกัน”

 

เอ้าเหรอ เราจะไปดูแสงเหนือคืนนี้ เราต้องทำอะไรบ้างล่ะ ต้องเตรียมตัวอะไรไหม เพื่อนบอก “แยกย้ายกันไปนอนก่อน แล้วตอน 4 ทุ่มเจอกันใหม่”

อ้อ วิธีเตรียมตัวคือไปนอนก่อนนั่นเอง แต่ปรากฏว่า ฉันคุยเล่นกับเพื่อนจนเกือบ 4 ทุ่ม แล้วมาคอพับไปก่อน 4 ทุ่มแค่ 20 นาที รู้ตัวอีกทีพวกเพื่อนๆ ก็มากันพร้อมละ

วิธีการเตรียมตัวต่อไปคือแพ็กตัวให้อุ่นมากๆ เพื่อนบอกว่ามีอะไรขนใส่ไปให้หมด เพราะเพื่อนมีประสบการณ์แล้ว ถุงร้อนแปะตามตัวให้แน่น ใส่ที่ถุงเท้า ถุงมือไปด้วย เพื่อนบอกให้เอาผ้านวมที่ห่มในบ้านไปด้วยเลย

มันขนาดนี้เลยหรือนี่!!!!

เพื่อนบอกขอให้เชื่อเถอะ เพราะเราต้องอยู่ในอากาศหนาวเนิ่นนาน

เพื่อนขับรถไปแถวทะเล ท้องฟ้าโล่งๆ

วิธีการดูแสงเหนือของพวกเราคือ นั่งรออยู่ในรถ หลับไปก่อน และให้เพื่อนที่เป็นช่างภาพเป็นคนเฝ้าสังเกตการณ์ พอเริ่มมีวี่แวว เพื่อนจะมาเคาะกระจกเรียก

เป็นไงวิธีการนี้ เราต้องมีเพื่อนดีเท่านั้นถึงทำแบบนี้ได้ (ฮา)

 

ก่อนหน้านี้เพื่อนบางคนบอกว่า มีแอพพลิเคชั่นไว้ดูความเข้มของแสงเหนือด้วย และสามารถดูได้อีกว่าจะมีเยอะตรงแถบไหน ประเทศไหน มันขนาดนั้นกันเลยหรือนี่

เพื่อนแนะนำการดูว่า พอเริ่มสีขาวๆ จางๆ ขึ้นบนฟ้า คล้ายๆ ทางช้างเผือก ให้มองไปที่ตรงนั้นเลย เพราะแสงกำลังจะขึ้น ถ้ามองด้วยตาเปล่าจะเห็นสีขาวก่อน พอรอสักพัก มันจะขาวเข้มขึ้นเรื่อยๆ และมองอีกด้านก็จะมีแสงสีขาวอีกเส้นขึ้น

แล้วถ้ามันเชื่อมหากันเป็นโค้งใหญ่ข้ามหัวเราเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่าสีกำลังจะเปลี่ยน เราจะเห็นแสงสีเขียวเต็มไปหมด เชื่อมเป็นทางยาว แล้วเขาก็เต้นพลิ้วสะบัดให้เราได้เห็น

มันคือความมหัศจรรย์ที่สุดอย่างหนึ่งที่ธรรมชาติมอบให้เรา ฉันไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน มันสุดๆ จริงๆ พวกเรากรีดร้องด้วยความดีใจอย่างบ้าคลั่ง เพราะเขาเต้นใหญ่มาก

มาให้เราเห็นประมาณ 3-4 นาที เราก็กลับไปนอนในรถอีก แล้วให้เพื่อนเรียกอีก เขามาให้เห็นอย่างนี้ 4 รอบ จนรอบสุดท้าย แสงสีเขียว มันเปลี่ยนเป็นสีม่วงและชมพู เรากรีดร้องจนทนจะไม่ไหว ร้องขอบคุณความมหัศจรรย์นี้กันไม่หยุด

จนตี 2 กว่า เราก็คิดว่าถึงเวลาที่เราควรกลับได้แล้ว เพราะเราฟินมากๆ แล้ว

และฉันใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายติดแสงเหนือด้วย เป็นความประทับใจที่กลับมาดูครั้งใดก็ตราตรึงใจไปอีกแสนนาน

ขอบคุณคุณแสงเหนือจริงๆ ที่ปรากฏกายให้เราได้เห็นแบบง่ายดายค่ะ