วิถีแห่งอำนาจ/เสถียร จันทิมาธร/หวนกลับ สุสานกระบี่ (133)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ
เสถียร จันทิมาธร

หวนกลับ สุสานกระบี่ (133)

เอี้ยก่วยรั้งอยู่ที่หน้าผาลำไส้ขาดติดกับบริเวณหุบเขาสิ้นรักประมาณเดือนเศษถ่ายทอดเคล็ดวิชาในคัมภีร์สุรางคนางค์ต่อเล็กบ้อซัง แต่ไม่มีข่าวคราวหรือร่องรอยของเซียวเล้งนึ่งเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น ถอนหญ้าลำไส้ขาดกำหนึ่ง ทิ้งข้อความบนพื้นทรายพลิ้วจากไป
เป้าหมายต่อจากหน้าผาลำไส้ขาดคือเขาจงน่ำหวนกลับสู่สุสานโบราณ เห็นมงกุฎหงส์ยังอยู่บนเตียง ชุดเจ้าสาวหล่นกองบนพื้น ยิ่งเพิ่มความเศร้าอาดูรยิ่งกว่าเดิม ตัดสินใจลงจากเขาท่องไปในยุทธจักร
ผ่านไปหลายเดือนเข้าใกล้เมืองเซียงหยาง สัมผัสภาพซากปรักหักพังที่ถูกทัพมองโกลเผาทำลาย มีการปลูกทับกระท่อมขึ้นใหม่ ผู้คนหนาตากว่าเดิม เอี้ยก่วยแม้คิดถึงก๊วยเจ๋งแต่ไม่ต้องการพบหน้าก๊วยพู
ครุ่นคิดขึ้น “เราแยกจากพี่อินทรีมานานไยไม่รุดไปเยี่ยมเยียนสักครา”
เสาะหาเส้นทางมุ่งสู่หุบเขาร้าง เมื่อใกล้ถึงที่ซึ่งกระบี่อสูรต๊กโกวคิ้วป่ายซ่อนตัวเร้นกายก็กู่ร้องเสียงดังยาวนาน กู่ร้องเพลงเร่งรุดพลาง
ไม่นานบนไหล่เขาเบื้องหน้าบังเกิดเสียงทวิชาติร่ำร้องดังมา
เห็นอินทรีวิเศษย่อหมอบอยู่ใต้ไม้ใหญ่ กรงเล็บ 2 ข้างกรงหมาป่าตัวหนึ่งไว้ พอเห็นว่าเป็นใครมาก็ปลดปล่อยหมาป่า

ผ่านไปหลายวัน อยู่ว่างไร้เรื่องราวจึงเดินทอดน่องถึงหน้าผาอันเป็น “สุสานกระบี่” กระโดดขึ้นไปแล้วอ่านดูเนื้อความที่ต๊กโกวคิ้วป่ายจารึกเอาไว้
โดยเฉพาะภายใต้ “กระบี่ไม้” เปื่อยผุ
“หลังอายุ 40 ปี ไม่ยึดติดกับวัตถุ แม้แมกไม้ไผ่ หิน ล้วนถือเป็นกระบี่ได้ นับแต่นี้พากเพียรฝึกปรือ เริ่มเข้าสู่ห้วงไร้กระบี่เหนือกว่ามีกระบี่”
อ่านพลางครุ่นคิด
“ถือกระบี่หนักเหล็กดำก็แทบพิชิตโดยไร้ผู้ต่อต้าน แต่ดูจากคำสั่งเสียนี้แสดงว่ากระบี่ไม้ยังเอาชนะกระบี่หนักเหล็กดำ สุดท้ายไร้กระบี่เหนือกว่ากระบี่ไม้ เล้งยี้เมื่อนัดหมายว่า 16 ปีให้หลังค่อยพบกันใหม่ในช่วงเวลาอันยาวนาน 10 กว่าปีเราจะศึกษาค้นคว้าวิชากระบี่ไม้พิชิตกระบี่เหล็ก ไร้กระบี่เหนือกว่ามีกระบี่”
ดังนั้น หักกิ่งไม้เหลาเป็นกระบี่ไม้เล่มหนึ่ง ในใจครุ่นคิด “กระบี่เหล็กดำหนัก 70 ชั่ง กระบี่ไม้อันเบาหวิวเล่มนี้คิดใช้ความเบาสะกดความหนักมีเพียง 2 สถาน 1 คือใช้ความเร็วสู้กับความเชื่องช้า อีก 1 คืออาศัยกำลังภายในเปี่ยมล้น ใช้ความเข้มแข็งพิชิตความอ่อนแอ”
เท่ากับใช้เวลาแห่งการรอคอยให้เป็นประโยชน์

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ด้าน 1 เอี้ยก่วยฝึกปรือกำลังภายใน ขณะเดียวกัน ด้าน 1 ค้นคว้าเพลงกระบี่ทั้งวันและคืน
เมื่อเกิดฝนตกก็เข้าหาญสู้ต่อกรกับน้ำ
ฝึกปรือวันแล้ววันเล่าโดยไม่รู้สึกตัว รู้สึกแต่เพียงว่า เมื่อคิมหันต์สิ้นสุด ฤดูสารทมาเยือน เมื่อฤดูสารทสิ้นสุด เหมันต์ก็เข้ามาเยือน
แม้พากเพียรฝึกปรือแต่กำลังภายในและเพลงกระบี่ก็รุดหน้าเพียงเล็กน้อย
ความรับรู้ก็คือ แม้ตระหนักว่าพลังการฝึกของตนความจริงบรรลุถึงขั้นสุดยอด กระนั้น หากหวังรุดหน้าอีกก้าวหนึ่งเห็นได้ว่าเป็นความยากเย็นแสนเข็ญ
เมื่อรับรู้ เมื่อเข้าใจ ก็ไม่รุ่มร้อน กระวนกระวาย
กระทั่งบรรลุถึงวันอันเกิดหิมะตก อินทรีส่งเสียงร้องด้วยความยินดี กระโดดโลดเต้นไปยังที่โล่งกว้าง กางปีก 2 ข้าง ก่อเกิดเป็นกระแสลมกระโชกรุนแรงไปรอบข้างกระทั่งเกล็ดหิมะที่โปรยลงมาปลิวกระจาย
พลันเอี้ยก่วยก็มองออกแทงทะลุว่าสมควรทำเช่นใด

ไม่ว่าเมื่อแรกที่เอี้ยก่วยถูกพี่อินทรีลากดึงเข้ามาในหุบเขาร้าง ไม่ว่าเมื่อเอี้ยก่วยหวนกลับมาเยือนหุบเขาร้างภายหลัง
บทเรียนอันเอี้ยก่วยได้รับล้วนเป็นอย่างเดียวกัน
ในเบื้องต้น เขาฝึกปรือวิชาฝีมือจากสายฝน กลางลำธารอันเชี่ยวกราก ไหลแรง วันแล้ววันเล่า จนสามารถยืนหยัดได้อย่างทระนงองอาจ
เป็นการเรียนรู้จากธรรมชาติ เป็นการได้ธรรมชาติมาเป็นครูในการถ่ายทอดสอนสั่ง
แม้จะมีแรงเร้ามาจากกระบี่อสูร ต๊กโกวคิ้วป่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผู้รับหน้าที่ในการชี้แนะถ่ายทอดกลับเป็นพี่อินทรี
ในวันนี้เขาก็ได้แรงดาลใจมาจาก “หิมะ” อันหนาวเย็น