ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 มีนาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | อาชญากรรม |
ผู้เขียน | อาชญา ข่าวสด |
เผยแพร่ |
ถือเป็นคดีใหญ่ที่คนให้ความสนใจกันข้ามปี
สำหรับคดีของ ไซซะนะ แก้วพิมพา พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาวลาว ที่มีเครือข่ายกว้างขวางทั้งในประเทศลาว และประเทศไทย
ที่ถูกตำรวจ บช.ปส. ติดตามจับกุมตัวได้คาสนามบินสุวรรณภูมิ
แถมเชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายอีกจำนวนมาก ที่ให้ความช่วยเหลือทั้งเรื่องยาเสพติดและการฟอกเงิน
ซึ่งก็รวมถึง เบนซ์ เรซซิ่ง สามีของนางเอกสาว แพท ณปภา ตันตระกูล ก็ถูกจับฐานเข้าไปพัวพันด้วย
ล่าสุดศาลอาญา ก็พิจารณาคดีของไซซะนะ โดยตัดสินโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต
แต่ลดหย่อนให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะจำเลยรับสารภาพ
ปิดฉากชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่า ไปชดใช้กรรมอยู่ในคุกตะราง
อีก 1 เส้นทางของพ่อค้ายา
คุกตลอดชีวิต “ไซซะนะ”
ช่วงสายวันที่ 20 มีนาคม ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อย.1642/2560 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายไซซะนะ แก้วพิมพา อายุ 42 ปี นักค้ายาเสพติดชาวลาว
ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมกันนำเข้ายาบ้า ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534
พฤติการณ์คือร่วมกันจัดหายาเสพติด รวมทั้งรถยนต์สำหรับซุกซ่อน และรถยนต์นำทางในการขนลำเลียงยาเสพติดจาก สปป.ลาว จำนวน 1.2 ล้านเม็ด ใส่รถซุกซ่อนไว้ในช่องลับ ใต้หลังคารถยนต์ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย เข้ามาในประเทศไทย เพื่อส่งมอบให้เครือข่ายยาเสพติด และเตรียมส่งไปยังประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2559
ในชั้นสอบสวนรับสารภาพ แต่ปฏิเสธในชั้นศาล
ศาลพิเคราะห์เห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบิกความตามลำดับการปฏิบัติหน้าที่ ไม่รู้จัก และไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน เชื่อได้ว่าพยานโจทก์เบิกความตามจริง
รวมทั้งจำเลยที่ 1-4 ของคดีหมายเลขดำ อย.5837/2559 ก็เบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน ยอมรับว่าขับรถลักลอบขนยาเสพติดโดยมีนายไซซะนะ เป็นพี่ใหญ่ในการสั่งการ พร้อมชี้ภาพยืนยัน ซึ่งการให้การดังกล่าวไม่ใช่การซัดทอดให้พ้นผิด และให้การโดยละเอียด ยากแก่การปั้นแต่ง
เมื่อตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ และไลน์ของจำเลย ก็พบว่ามีการติดต่อกับพวกเรื่องขนยาเสพติด และการโอนเงินเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย ติดต่อกับขบวนการค้ายาหลายกลุ่ม โดยในชั้นสอบสวนจำเลยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ให้ลงนามในเอกสารแล้วจะได้รับการปล่อยตัวเป็นการอ้างลอยๆ ซึ่งตอนนั้นเจ้าหน้าที่สถานทูตก็อยู่ด้วยก็ไม่ได้ทักท้วง การให้การชั้นสอบสวนจึงเป็นการให้การโดยสมัครใจ เป็นการให้การหลังถูกจับกุม ไม่มีเวลาปรุงแต่งเรื่อง เชื่อว่าเป็นการให้การตามจริง
พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำหน่ายยาเสพติด และนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทสูงสุดฐานนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ให้ประหารชีวิต
จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี
ลดโทษ 1 ใน 3 ให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต
ย้อนนาทีจับกลางสุวรรณภูมิ
สําหรับการจับกุมราชายาเสพติดรายใหญ่อย่างนายไซซะนะ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย บช.ปส. นำโดย พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ใช้ปฏิบัติการ”ชัยยะสยบไพรี 60/1″ นำหมายจับศาลอาญา บุกเข้าจับกุมนายไซซะนะ ถึงอาคารผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิ
หลังพบข้อมูลว่านายไซซะนะเดินทางจากประเทศลาวมาเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต ก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อพักผ่อนก่อนกลับประเทศลาว
เมื่อนายไซซะนะปรากฏตัว เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธครบมือ ก็แสดงตัวเข้าจับกุม สร้างความตื่นตะลึงให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศจำนวนมาก ก่อนคุมตัวไปสอบสวนที่ บช.ปส.
พล.ต.ท.สมหมาย เผยว่า การจับกุมครั้งนั้นสืบเนื่องจากการขยายผลทลายแก๊งยาเสพติดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่ามีขบวนการขนยาข้ามจากฝั่งลาวมาเก็บไว้ในพื้นที่ชั้นใน ก่อนลำเลียงไปที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งระหว่างปี 2558-2559 สามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้ 4 คดี ได้ผู้ต้องหา 9 ราย เป็นชาวไทย 7 ราย และต่างชาติ 2 ราย
สืบสวนพบมีการจ้างกลุ่มขนส่งลำเลียง ใช้รถยนต์ที่มีช่องลับซุกซ่อนยาเสพติด มีทั้งรถนำ รถสำรวจเส้นทาง และรถคุ้มกัน เรียกว่าทำกันอย่างเป็นมืออาชีพ
โดยทั้งหมดให้การซัดทอดว่ามีนายไซซะนะ ลูกพี่ใหญ่เป็นผู้ว่าจ้าง
ทั้งนี้ ทางการลาวได้ประสานข้อมูลว่าจับตานายไซซะนะอยู่ตลอด ซึ่งพบว่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดได้ประมาณ 5 ปี แต่ไม่พบว่ามีการกระทำความผิดในพื้นที่ประเทศลาว
ถือเป็นคนที่มีความรู้สูง สามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ได้ตลอดมา
เบื้องหน้าทำธุรกิจโรงแรม โรงเลื่อย มีฐานะถึงขั้นมหาเศรษฐี ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมไฮโซ มีรถหรูหลายสิบคัน
บช.ปส. จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ประเทศลาวให้ยึดทรัพย์ของนายไซซะนะ ซึ่งตรวจยึดรถหรูได้กว่า 20 คัน อาทิ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ราคา 17 ล้านบาท โดยใช้ชื่อคนใช้ที่บ้านเป็นเจ้าของ แล้วนำเข้ามาใช้ขับขี่ในไทย
เชื่อว่านายไซซะนะมีทั้งบ้านหรือโรงแรมอยู่ในประเทศไทย โดยใช้ชื่อนอมินีเป็นผู้จัดการทุกอย่างให้
สำหรับเครือข่ายของนายไซซะนะ จะใช้ถนนสายอีสานจาก จ.หนองคาย ลงมา และสายเหนือใช้เส้นทางจาก จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.แพร่ และ จ.น่าน ลำเลียงยาเสพติด เพราะว่าเส้นทางดังกล่าวอยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ขนส่งโดยใช้รถบรรทุก แต่ละคันจะซุกซ่อนยาเสพติดมาครั้งละเป็นล้านเม็ด
นายไซซะนะ ถือเป็นผู้ต้องหารายสำคัญระดับใหญ่กว่านายเล่าต๋า แสนลี่ ทางการสืบสวนเชื่อว่าอยู่ในเครือข่ายเดียวกับนายอุสมาน สะแลแมง กลุ่มยาเสพติดรายใหญ่ของภาคใต้
สุดท้ายก็ต้องจนมุมไม่รอดเงื้อมมือเจ้าหน้าที่
สามีนางเอกดังติดร่างแห
ไม่เพียงแค่การจับกุมดำเนินคดี แต่ยังเดินหน้าลุยยึดทรัพย์เครือข่ายแก๊งยาเสพติด หลังจากสืบทราบว่า นอกจากไซซะนะแล้วยังมีท้าวสีสุก ดาวเรือง ที่เป็นต้นเครือข่าย นำมาซึ่งการเข้าตรวจค้นหลายสิบจุดทั่วประเทศ ยึดและอายัดทรัพย์ร่วมพันล้านบาท
โดยที่น่าสนใจก็มีการจับกุม นายรัชพล รัฐสพลพกรณ์ หรือกิมเล้ง ตามหมายจับศาลอาญาที่ 130/2560 ที่ ถ.โพนพิสัย ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ตรวจยึดรถหรู 9 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน โฉนดที่ดิน 2 แปลง เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ 18 รายการ สมุดเงินฝากธนาคาร 10 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 7 ใบ หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท 17 แห่ง และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการธนาคารต่างๆ อีก 28 รายการ
มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกยึดตรวจสอบทั้งหมดประมาณ 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังจับกุมนายเอีย มิ้งไซย หรือเอก อายุ 22 ปี ราษฎรชาวสะหวันนะเขต สปป.ลาว ได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร โดยนายเอียมีหน้าที่นำรถยนต์หรูข้ามจากฝั่งไทยไปฝั่งลาว เมื่อดัดแปลงทำช่องลับขนยาเสพติด ให้เครือข่ายขับนำเข้ามาประเทศไทย และยังเป็นผู้รับดูแลรถซูเปอร์คาร์ให้นายสีสุกด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น ยังลามไปถึงวงการบันเทิง เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง นักแข่งรถ สามีของนางเอกสาว แพท ณปภา ตันตระกูล หลังอายัดรถลัมโบกินีหรูไปตรวจสอบ
เนื่องจากนายอัครกิตติ์อ้างว่ารถคันดังกล่าวได้ยืมเงินมาจากนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย จำนวน 6 ล้านบาทเพื่อมาดาวน์รถคันดังกล่าว
แต่กลับไม่มีเอกสารกู้ยืม เป็นการให้ยืมปากเปล่า!??
นอกจากนี้ ยังพบว่า บอยร่ำรวยมีฐานะโดยไม่มีที่มาที่ไป แถมยังใกล้ชิดสนิทสนมกับไซซะนะ เรียกได้ว่าเป็นคนดูแลช่วงที่ไซซะนะอยู่เมืองไทย และยังเป็นเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติด โดยจ้างให้ลูกน้องเช่าบ้านแถบปริมณฑล เพื่อพักยาเสพติดจากภาคอีสาน ก่อนขนส่งลงไปภาคใต้
และยังพบว่า เบนซ์ เรซซิ่ง รับโอนทรัพย์สินจากเครือข่ายยาเสพติดหลายครั้ง จึงไม่รอด ถูกแจ้งข้อหาฟอกเงิน และสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด, รับเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด จากผู้กระทำความผิด เพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ
ถูกคุมขังในเรือนจำ เนื่องจากศาลไม่ให้ประกัน
สู้คดีต่อไปในชั้นศาล