ศาลในพระปรมาภิไธย พระราชดำรัส ในหลวง ร.10 ให้ความยุติธรรม โปร่งใส เป็นที่พึ่งของประชาชน

นํามาซึ่งความปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่คณะผู้พิพากษาศาลยุติธรรม ตลอดจนพสกนิกรชาวไทยทั่วทั้งประเทศ

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2561 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระราชวโรกาส

ให้นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาลยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม จำนวน 162 คน เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

โอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสแก่คณะผู้เข้าเฝ้าฯ ความว่า

เป็นการเตือนตนเอง ให้รู้จุดยืนและหน้าที่ของเราที่จะต้องปฏิบัติ ซึ่งหน้าที่ที่เราต้องปฏิบัตินั้นลึกซึ้ง มีรายละเอียดและความละเอียดอ่อนมาก

การที่ได้ปฏิบัติหรือถือปฏิบัติสืบต่อกันมาว่า ปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์นั้น ความจริงความหมายก็คือ ปฏิบัติหน้าที่ในนามของสถาบันทั้ง 3 สถาบัน

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน

ในพระปรมาภิไธย ในนัยยะนี้หมายถึง สถาบันที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของชาติและความสุข ความร่มเย็นและมั่นคงของราชอาณาจักร ซึ่งเป็นบ้านของเราทุกคน

อันนี้ความหมายที่จะขอไขให้ในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ก็คือ

ในนามของประชาชนชาวไทย ในนามของสถาบันสูงสุดทั้งหลายของชาติและประชาชน คือ ให้ความยุติธรรม ให้ความถูกต้อง โปร่งใส

และเป็นที่พึ่งของประชาชนและสังคม

กฎหมาย ไม่ว่าประเทศไหน มีไว้เพื่อรักษาสิทธิ รักษาความปลอดภัย รักษาความสงบ

กฎหมายนั้นก็ลึกซึ้ง ใช้ให้ดีก็ดี แปลความให้ดีก็ดี ใช้ไม่ดีหรือหาช่องโหว่ในทางปฏิบัติ มันก็ไม่ดี เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นทั้งศาสตร์ เป็นทั้งศิลป์ เรื่องกระบวนการยุติธรรมเนี่ย

แต่ถ้าหากตระหนักถึงความถูกต้อง หรือพูดง่ายๆ ความสุขของส่วนรวม ความสงบสุข และความมั่นคงของประเทศชาติ ก็จะไปในทางที่ถูก

ก็จะอ่านกฎหมาย หรืออำนวยการยุติธรรมได้ อย่างไม่ผิด

ผู้พิพากษาก็เป็นมนุษย์ เป็นคน มีอารมณ์ แต่ถ้าเผื่อทบทวนศีลธรรม หรือจรรยาบรรณของผู้พิพากษาไว้ ก็จะไม่ออกนอกกรอบที่ผิด

ท่านทั้งหลายได้เรียนมา ได้ศึกษามา และได้เรียนรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก อะไรดี อะไรไม่ดี อะไรที่จะทำให้เดือดร้อนต่อชาติบ้านเมือง ก็คงจะรู้แล้วว่าอะไรไปในทางที่ถูกหรือไม่ถูก

ก็ขอให้มีสติ มีปัญญา มีทัศนคติที่ถูกต้อง และอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน ก็จะเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง

ขอให้มีความสุขความเจริญโดยทั่วกัน

ทั้งนี้ ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ได้มีพระราชดำรัสแก่คณะผู้พิพากษาที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติตน ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความยุติธรรมต่อประชาชน

ครั้งแรก วันที่ 29 ธันวาคม 2559 เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

ในครั้งนี้ มีพระราชดำรัสกับผู้พิพากษาที่เข้าเฝ้าฯ ความว่า

การรู้กฎหมายก็เป็นสิ่งที่ดี แต่การที่รักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ตลอดจนการใช้กฎหมายไปในทางที่ถูก

เพราะกฎหมายนี้ ส่วนใหญ่ทุกอาชีพก็มีการใช้กฎหมายไปให้ได้ตามเป้าหมาย แต่เราคือต้องใช้กฎหมายไปในทางที่ถูก

คือรักษาความถูก ความผิด ของศีลธรรม จรรยาบรรณ รักษาขื่อรักษาแปของบ้านเมือง อันนี้ต้องใช้ดุลพินิจ สติ สมาธิและประสบการณ์ โดยปราศจากอคติ

แต่ก็ต้องมีความอ่อนตัวที่จะให้ความเป็นธรรม และสนใจที่จะศึกษาข้อมูลต่างๆ เพราะหลักฐานข้อมูลต่างๆ ก็มีเยอะ ซึ่งง่ายต่อการบิดเบือน

เพราะฉะนั้น ความรู้ความสามารถ บวกจรรยาบรรณ บวกทัศนคติที่ดีต่อประชาชนนั้นสำคัญ ประชาชนคนเราจะได้มีความศรัทธาในผู้พิพากษา อย่างน้อยก็มีที่พึ่ง

ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านได้คำนึงถึงเรื่องนี้ และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ปฏิญาณไว้ มงคล ความเจริญก้าวหน้า ก็จะมีต่อตัวเอง ขอให้โชคดี

ครั้งต่อมา วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาล จำนวน 84 คน เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

โดยมีพระราชดำรัสแก่คณะผู้พิพากษาที่เข้าเฝ้าฯ ครั้งนั้น ความว่า

คำสัตย์ปฏิญาณที่ได้กล่าวมาสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ครอบคลุมหน้าที่ และจรรยาบรรณของผู้พิพากษา

ถ้าเผื่อได้นำคำปฏิญาณนั้นไปพิจารณา ทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง ก็จะเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง

เพราะหน้าที่ของเรา อำนวยความยุติธรรม และความเป็นธรรม ตลอดจนความสุขให้แก่ประชาชน

อันกฎหมายนั้น ผู้ใดศึกษา ก็ย่อมศึกษาได้ แต่ข้อที่จะท้าทายก็คือนำกฎหมายไปใช้ให้ถูกต้อง เป็นธรรม เหมาะแก่โอกาส เหมาะแก่กาลเทศะ ด้วยความเที่ยงตรง

ก็ขออวยพรให้ท่านมีกำลังใจ กำลังปัญญาที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้กล่าวปฏิญาณไว้

และเพื่อปฏิบัติหน้าที่ไป มีประสบการณ์เพิ่ม ได้เห็นอะไรต่างๆ ทฤษฎีที่ได้เรียน ที่ได้เห็น ก็จะเกิดภาพที่แจ่มชัดในการใช้วิจารณญาณต่างๆ ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

ก็ขอให้มีความโชคดีและปฏิบัติหน้าที่ได้ทุกประการ

นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงพระราชดำรัสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่คณะผู้พิพากษาที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2561 ว่า

ทุกครั้งในการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้พิพากษาจะน้อมรับพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปฏิบัติ

แนวทางที่พระองค์ท่านพระราชทาน สำนักงานศาลยุติธรรมจะนำไปเผยแพร่ให้ผู้พิพากษาทั้งประเทศได้รับทราบ ว่าพระองค์ท่านมีพระราชดำรัสอย่างไรบ้าง

ครั้งนี้พระองค์มีพระราชดำรัสหลายเรื่องเกี่ยวกับการใช้กฎหมาย การกระทำในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษา

ทั้งในเรื่องการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน นับเป็นเรื่องสำคัญและเป็นประโยชน์กับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ

ผู้พิพากษาทั่วประเทศจะน้อมนำกระแสพระราชดำรัสไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด