วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร/เบื้องหน้า นักพรตช้วนจิน (129)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย
เสถียร จันทิมาธร

เบื้องหน้า นักพรตช้วนจิน (129)

ความจริงหลังจากกิมลุ้นฮวบอ้วงและ 6 ยอดฝีมือในร่มเงาของมองโกลล่าถอยจากไปสถานการณ์น่าจะราบรื่นเรียบร้อย
แม้จะมีนักพรตนับร้อยถือกระบี่รุมล้อม แต่ด้วยความสุขุมของคิวชู่กีก็คลี่คลายลงได้
กระนั้น ในใจของเอี้ยก่วย “ตอนอยู่ที่จงน้ำซัว นางเคยถามเราว่ายินยอมรับเราเป็นภรรยาหรือไม่ ตอนนั้นเราตะลึงลานไม่ตอบคำ เป็นเหตุให้ตอนหลังเกิดเภทภัยยุ่งยากมากหลาย ตอนนี้มีเวลาเหลืออยู่ไม่มากนัก สมควรให้นางเข้าใจความในใจของเรา”
ความรู้สึกของเอี้ยก่วยคือ คิดว่านี่อาจเป็นวาระสุดท้ายของเซียวเล้งนึ่งจึงเปล่งประกาศ
“พันธะฉันอาจารย์กับศิษย์อันใด เกียรติยศและความบริสุทธิ์อันใด พวกเราล้วนยึดถือเป็นลมที่ผายออกมา เสือกไสมารดามันไป มาตรว่ามีชีวิตก็ดี ตกตายก็ดี พวกเราไม่ว่าผู้ใดไม่อาภัพอัปภาคย์ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่โดดเดี่ยวเดียวดาย
“นับแต่นี้ท่านมิใช่ซือแป๋ข้าพเจ้า มิใช่โกวโกวข้าพเจ้า หากแต่เป็นภรรยาของข้าพเจ้า”
จิตใจเซียวเล้งนึ่งเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดี จับจ้องมองใบหน้าเอี้ยก่วย กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “นี่เป็นคำพูดจากใจจริงของท่านหรือ ใช่เป็นเพราะต้องการสร้างความยินดีแก่ข้าพเจ้า ดังนั้น จงใจกล่าววาจาที่น่าฟังเหล่านี้หรือไม่”
“ย่อมเป็นความจริงใจ” เป็นการยืนยันจากเอี้ยก่วย

อาจเป็นความปีติปราโมทย์ของเซียวเล้งนึ่งกับเอี้ยก่วย แต่นักพรตในสำนักช้วนจินหลายร้อยรูปล้วนเป็นผู้บำเพ็ญพรต จึงสร้างความทุลักทุเลยิ่ง
นักพรตสูงวัยกระอักกระอ่วน นักพรตหนุ่มฉกรรจ์อดหวั่นไหวใจมิได้
“พวกเจ้ารีบออกจากตำหนักไปเถอะ” เป็นเสียงตวาดจากผู้วิสุทธิ์พเนจรซุนปุกยี่ “ตำหนักเต้งเอี้ยงเป็นดินแดนอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่สมควรกล่าววาจาบัดสีในที่นี้”
เอี้ยก่วยคล้ายไม่ได้ยิน จับจ้องมองดวงตาเซียวเล้งนึ่ง
“ครั้งกระโน้นปรมาจารย์เต้งเอี้ยงกับปรมาจารย์โจ้วซือพั่วพั้ว สำนักสุสานโบราณเรา ความจริงสมควรแต่งงานเป็นสามีภรรยา ไม่ทราบเพราะจารีตประเพณีอันพิกลพิการใดเป็นเหตุให้ต่างต้องตายด้วยความคับแค้น
“วันนี้พวกเราจะกราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานเป็นสามีภรรยาที่เบื้องหน้ารูปภาพของปรมาจารย์เต้งเอี้ยง ระบายความคับข้องใจให้แก่โจ้วซือพั่วพั้วของพวกเรา”
เซียวเล้งนึ่งทอดถอนใจ กล่าวเสียงอ้อยอิ่ง “ก่วยยี้ ท่านดีต่อข้าพเจ้าจริงๆ”
เป็นความจริงใจของเอี้ยก่วยแน่นอน เป็นความจริงใจอันสบอารมณ์และความปรารถนาของเซียวเล้งนึ่งแน่นอน
แต่บรรดานักพรตแห่งสำนักช้วนจินไม่ได้คิดอย่างนั้น

เหล่านักพรตเยาว์วัยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุของความสัมพันธ์ระหว่างปรมาจารย์เต้งเอี้ยงกับเจ้าสำนักสุสานโบราณอาจไม่รู้สึกอะไร แต่เหล่านักพรตที่สูงวัยล้วนใจสั่นสะท้าน
“ซือแป๋ผู้ล่วงลับ อาศัยปัญญาอันยิ่งใหญ่ ขันติอันหนักแน่นบวชเป็นนักพรต ก่อตั้งสำนัก ความตั้งใจอันแน่วแน่ของท่านผู้เฒ่าไหนเลยเป็นสิ่งที่ผู้เยาว์รุ่นหลังเช่นเจ้าจะล่วงรู้ได้ หากเจ้ายังบังอาจสามหาวกล่าววาจาเหลวไหลในที่นี้อย่าได้โทษว่าใต้กระบี่เราไร้ไมตรีแล้ว”
เป็นเสียงตวาดจากผู้วิสุทธิ์พเนจร ซุนปุกยี่
นางในฐานะสตรีเพศ บำเพ็ญภาวนาร่วมกับเหล่านักพรตย่อมต้องเคร่งครัดเป็นพิเศษ พอได้ยินว่าเอี้ยก่วยคิดกราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานกันต่อหน้ารูปปั้นปรมาจารย์เต้งเอี้ยง ซึ่งศิษย์สำนักช้วนจินทั้งหมดเทิดทูนราวกับเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจรุกล้ำล่วงเกินถึงกับเดือดดาลสุดระงับ
“รีบไป” น้ำเสียงของนางเกรี้ยวกราด
“นับแต่นี้สำนักช้วนจินกับสำนักสุสานโบราณตัดความสัมพันธ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ทางที่ดีอย่าได้พบหน้ากันอีก”
เอี้ยก่วยทอดถอนใจยาว สั่นศีรษะคราหนึ่ง

คล้ายกับว่าเอี้ยก่วยจะล้างหูน้อมรับฟังคำจากผู้วิสุทธิ์พเนจร ซุนปุกยี่ คล้ายกับเรื่องราวอันจะกลายเป็นความบาดหมางใจสามารถสงบลงได้อย่างรวดเร็ว
สภาพมิได้เป็นไปเช่นนั้น
หากมองจากสายสัมพันธ์ระหว่างสำนักสุสานโบราณกับสำนักช้วนจิน หากมองจากความดื้อรั้นอันเป็นกมลสันดานของเอี้ยก่วย
ยากเป็นอย่างยิ่งที่เรื่องจะจบลงอย่างราบเรียบ