ต่างประเทศ : พรรคคอมมิวนิสต์จีน เปิดทาง “สี จิ้น ผิง” อยู่ยาว

เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์ของจีน หรือซีซีพี ได้มีการเสนอให้ “ยกเลิก” วาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีน ในธรรมนูญแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่กำหนดไว้ว่า ประธานาธิบดีจีนจะต้องอยู่ในวาระไม่เกิน 2 วาระ และแต่ละวาระอยู่ได้ 5 ปี

ซึ่งเป็นการปูทางให้นายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบันได้อยู่ในตำแหน่งยาวออกไปอีกโดยไม่มีกำหนด

ทั้งนี้ นายสี ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนด้วย ดูจะเป็นบุคคลที่ดูน่าเกรงขามมากที่สุดคนหนึ่งของจีน นับตั้งแต่ “เหมา เจ๋อ ตุง” เป็นต้นมา

โดยนายสีขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2013 ปัจจุบันอายุ 64 ปี และมีกำหนดจะลงจากตำแหน่งในปี 2023 ภายในระบบปัจจุบัน

หากแต่เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ ได้เสนอให้ยกเลิกวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี ที่กำหนดให้อยู่ได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน

ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวจะถูกนำเข้าสู่สภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) หรือสภาตรายางของจีนในเดือนมีนาคมเพื่อรับรองต่อไป

เมื่อมีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้นายสีสามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ยาวแบบไม่มีกำหนด

และจะทำให้นายสีกลายเป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานกว่าผู้นำจีนคนก่อนๆ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

 

การเปลี่ยนแปลงธรรมนูญพรรคคอมมิวนิสต์นี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกนับตั้งแต่ ค.ศ.2004 ซึ่งมีการประกาศออกมาเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากเมื่อเดือนตุลาคม 2017 จีนได้มีการบัญญัติ “แนวคิด สี จิ้น ผิง ว่าด้วยสังคมนิยมแบบจีนสำหรับยุคใหม่” เอาไว้ในธรรมนูญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการประชุมใหญ่ของพรรค ที่ส่งผลให้บารมีของนายสีเพิ่มมากขึ้น และกลายเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลสูงสุดของจีน

เทียบได้กับ “เหมา เจ๋อ ตุง” ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ทำให้จีนเปลี่ยนระบบการปกครองมาเป็นคอมมิวนิสต์จนถึงปัจจุบัน

การประกาศดังกล่าวทำให้บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า พรรคคอมมิวนิสต์อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น

และเชื่อว่านายสีอาจจะพยายามหาทางยืดวาระในการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศของตนเอาไว้ หลังจากที่ประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนเปิดตัวคณะกรรมการประจำของโปลิตบูโรชุดใหม่

แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อของผู้สืบทอดคนใหม่ต่อจากนายสี ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา ที่จะต้องมีการประกาศตัวทายาททางการเมืองให้เข้าไปอยู่ในคณะกรรมการประจำของโปลิตบูโร ในช่วง 5 ปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง เพื่อความชัดเจนทางการเมือง

แต่บุคคลที่เคยถูกคาดหมายว่าจะเป็นผู้สืบทอดอำนาจต่อจากนายสี กลับไม่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาในคณะกรรมการประจำของโปลิตบูโรชุดใหม่นี้

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า หากต้องการจะยืดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีออกไปจริงๆ แล้ว นายสีอาจจะยังสามารถคงอำนาจของตัวเองเอาไว้ได้ จากบทบาทของการเป็น “เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน” ซึ่งไม่ได้มีกำหนดเวลาในการดำรงตำแหน่ง

 

หากดูประวัติศาสตร์จีนที่ผ่านมา เติ้ง เสี่ยว ผิง ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำจีนที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศจีน รองจากเหมา เจ๋อ ตุง ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ยึดอำนาจการปกครองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น จนกระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อปี 1997

แต่ในทางกลับกัน นายหู จิ่น เทา ประธานาธิบดีคนก่อนหน้านายสี จิ้น ผิง หลังจากละทิ้งตำแหน่งทางการเมืองและมอบตำแหน่งให้แก่นายสีไปแล้ว นายหูก็ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อสาธารณะ ขณะที่พันธมิตรของนายหูหลายคนก็ไปทำงานอยู่หน่วยงานปราบปรามการคอร์รัปชั่นของนายสี

อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันดีว่า นายสีเป็นผู้นำที่เดินหน้าอย่างเข้มแข็งและจริงจังกับเรื่องการปราบปรามการคอร์รัปชั่น

หากแต่ปัญหาเรื่องการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกของรัฐบาลจีนก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

รวมไปถึงล่าสุด ที่มีการเซ็นเซอร์ข้อความที่เกี่ยวข้องกับการคัดค้านแก้ไขธรรมนูญแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งยิ่งทำให้ชาวจีนจำนวนมากบนโลกออนไลน์ไม่พอใจกับวี่แววของการอยู่ยาวในอำนาจของนายสี

วิลลี่ แลม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แห่งมหาวิทยาลัยจีน แห่งฮ่องกง กล่าวว่า สิ่งที่สี จิ้น ผิง ดื้อแพ่งที่จะทำ ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เนื่องจากต่อจากนี้ก็จะไม่มีการตรวจสอบหรือถ่วงดุลใดๆ เกิดขึ้น

และนายสีก็จะกลายเป็นจักรพรรดิตลอดกาล