แมลงวันในไร่ส้ม/บิ๊กป้อมสะดุ้ง ‘หนุนๆ หน่ายๆ’ จาก ‘หมอธี’ ถึง กก.ต้านโกง คตช.จุดพลุถล่มอีกดอก

แมลงวันในไร่ส้ม

บิ๊กป้อมสะดุ้ง ‘หนุนๆ หน่ายๆ’

จาก ‘หมอธี’ ถึง กก.ต้านโกง

คตช.จุดพลุถล่มอีกดอก

หลังจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี กล่าวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำนองว่า ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว
หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ทำให้เห็นภาพดังกล่าวชัดเจนขึ้น
กรณี “นาฬิกาหรู” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม แม้จะมีข่าวอื่นๆ มากลบเป็นระยะ แต่ก็ไม่จางหายไปโดยง่าย
อยู่ๆ มีข่าวเกรียวกราวเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อเว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานคลิปสัมภาษณ์ของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวกับนักเรียนไทยและนักธุรกิจไทยในงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในลอนดอน โดยกล่าวถึงจริยธรรมของสมาชิกสภาอังกฤษ เปรียบเทียบกับนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า แต่เมืองไทยมีนาฬิกาใส่ 25 เรือน ยังไม่เป็นไร
ทันทีที่กลับถึงประเทศไทยเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ได้เข้าพบนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล แล้วแถลงข่าวว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการพูดคุยกับนักข่าว ไม่ใช่การให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ ยอมรับแสดงความเห็นผิดมารยาท แต่ตนเองมาทำงานให้นายกฯ นายกฯ ยังเชื่อมั่นตน ตนก็เชื่อมั่นนายกฯ และจะทำงานให้นายกฯ ต่อจนกระทั่งเห็นว่าไม่เหมาะ ดังนั้น ยังยืนยันจะอยู่ตรงนี้ต่อไป และส่วนตัวได้ขอโทษ พล.อ.ประวิตร แล้ว และขอโทษนายกฯ ที่ทำให้ท่านไม่สบายใจแล้ว
หลังจากนั้น เป็นรายการรูดซิปปาก ขณะที่กระแสข่าวสาร หยิบยกเอาเรื่องที่ นพ.ธีระเกียรติกล่าวทำนองว่า ถ้าเป็นตนเองจะลาออก มาวิจารณ์ว่า นพ.ธีระเกียรติควรแสดงความรับผิดชอบต่อการผิดมารยาท ด้วยการลาออก

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์

และต่อมามีข่าวว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิก ส.ว. และทีมทนายความพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นพ.ธีระเกียรติถือหุ้นสัมปทานบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG จำนวน 5,000 หุ้น น่าสงสัยว่าการถือหุ้นสัมปทานรัฐบาลเป็นการต้องห้ามหรือไม่
นพ.ธีระเกียรติกล่าวว่า ทาง ป.ป.ช. จะตรวจสอบว่าตนเข้าข่ายขาดคุณสมบัติหรือไม่นั้น ก็ให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบไป เพราะรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็มีปัญหาแบบเดียวกัน ก็ให้สอบมาและก็ว่าไป ส่วนจะขาดคุณสมบัติหรือไม่ก็ให้กฤษฎีกาตีความ ซึ่งกฤษฎีกาก็ได้ตีความมาแล้วว่าตนไม่ได้ทำผิดอะไร
ส่วนกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร นพ.ธีระเกียรติปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์

เรื่องของ “หมอธี” เงียบไป แต่นาฬิกาหรูยังไม่จบอยู่ดี
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายต่อตระกูล ยมนาค ประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต ในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) เผยว่า ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธาน คตช. ให้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อเรียกศรัทธาการแก้ปัญหาทุจริตกลับคืนมา
จากกรณี พล.อ.ประวิตรใส่นาฬิกาและแหวนเพชรราคาแพง แต่ไม่ได้แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
นายต่อตระกูลกล่าวว่า ที่ต้องทำหนังสือถึงนายกฯ เพราะตนในฐานะประธานอนุกรรมการ ต้องทำหน้าที่ว่ามีเรื่องอะไรที่นายกฯ ทำได้ สั่งการได้ แล้วจะช่วยในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
พล.อ.ประวิตรเป็น 1 ในกรรมการ คตช. ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประธาน คตช. เหมือนกับ นายวิษณุ เครืองาม และ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวเป็นตำแหน่งที่สามารถให้ความเห็นได้ เรามองว่ามันสำคัญ
ข้อเสนอจากนายต่อตระกูล คือ ให้นายกฯ จึ้ให้รองนายกฯ ประวิตรพิจารณาตนเอง
“ท่านอาจจะพิจารณา หรือขอร้อง พล.อ.ประวิตรให้ลาออกได้ เพราะนายกฯ มีอำนาจตรงนี้ โดยไม่ต้องคิดว่าต้องรอให้มีการชี้มูลหรือตัดสินความผิดก่อน เพราะกรณีนี้มันเป็นเรื่องของจริยธรรม และจรรยาบรรณ เป็นสิ่งที่นายกฯ ทำได้ ที่ผ่านมาท่านใช้มาตรา 44 ในการโยกย้ายข้าราชการที่มีแค่ข้อหาออกจากตำแหน่งมาประจำที่สำนักนายกฯ ทำไปหลายร้อยคนแล้ว ดังนั้น นายกฯ ทำได้เลย โดยการขอให้ลาออก หรือพิจารณาให้ออก เพราะตำแหน่งกรรมการ คตช. เป็นเพียงตำแหน่งเล็กๆ” นายต่อตระกูลกล่าว

เมื่อถามว่า หากนายกฯ ไม่พิจารณา อนุกรรมการจะลาออกจากกรรมการหรือไม่ นายต่อตระกูลกล่าวว่า มีบางคนพูดกันอยู่ แต่ไม่ได้มาจากสาเหตุนี้เรื่องเดียว เพราะมันมีหลายเรื่อง
ตอนนี้อนุกรรมการทุกคณะ นั่งรอมา 4 -5 เดือนกว่าแล้วว่าเมื่อไร คตช. จะนัดประชุม ไม่เหมือนแรกๆ ที่มีการประชุมกันทุกเดือน แต่ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมาว่างเว้นไปนาน กรรมการต่างๆ ทำงานด้วยความลำบากใจ
บรรยากาศต่างจากวันแรกๆ ที่พอเราเสนออะไรไป วันสองวันนายกฯ จะนำเข้าที่ประชุม ครม. ทันทีเพื่อออกมามาตรการต่างๆ อย่างรวดเร็ว เรียกว่านายกฯ อยากให้เร็วยิ่งกว่าคนที่อยู่ในวงการมานาน
ทั้งนี้ การที่ตนทำหนังสือถึงนายกฯ นั้น เราตั้งใจให้เป็นเรื่องภายในของผู้ที่ทำงานกับนายกฯ โดยส่งหนังสือเป็นทางการไปที่ทำเนียบรัฐบาลตามขั้นตอน ไม่ได้ต้องการให้เป็นข่าว
นายต่อตระกูลกล่าวว่า นอกจากนี้ กรณีนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตรอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช. เดิมนึกว่า ป.ป.ช. คงเต็มที่กับเรื่องนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเหมือนกับทำงานได้ไม่เต็มที่
ทั้งที่ความจริงการตรวจสอบกรณีไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน โดยอ้างว่ายืมมาจากเพื่อน มีกรณีของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นตัวอย่างอยู่แล้ว โดยกรณีของนายสุพจน์ นอกจากข้อหาร่ำรวยผิดปกติที่ ป.ป.ช. ชี้มูลแล้ว
ในส่วนของรถโฟล์กที่นายสุพจน์อ้างว่ายืมมา ป.ป.ช. ก็ฟ้องข้อหาไม่แจ้งหนี้สินไปด้วย เพราะการยืมทรัพย์สินราคาแพงมากถือเป็นทรัพย์สินที่ต้องแจ้งทั้งหมด จะอ้างว่ายืมแล้วไม่แจ้งคงไม่ได้
และศาลฎีกาได้ตัดสินแล้วว่า ข้ออ้างเรื่องยืมมารับฟังไม่ได้ ดังนั้น กรณีแบบนี้ไม่น่าจะต้องใช้เวลานาน ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. บอกว่า ปลายเดือนกุมภาพันธ์จะเสร็จสิ้น แต่ตอนนี้เหมือนว่าจะยืดเยื้อออกไปอีก

กระแสกดดัน พล.อ.ประวิตรยังไม่ยุติง่ายๆ แม้หมอธีจะยอมถอยไปรูดซิปแล้วก็ตาม กลับมีรายใหม่โผล่กลับมาอีก
ส่วนรัฐบาลจะตอบรับการกดดันจากฝ่ายเดียวกันได้อย่างไร
ต้องถือว่าเป็นเรื่องน่าสนใจ