คอลัมน์ก่อสร้างและที่ดิน. : เสียงคนตัวเล็ก

คอลัมน์ก่อสร้างและที่ดิน

ผ่านพ้นช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งสำหรับส่วนบุคคลเป็นช่วงของงานเลี้ยงฉลองต่างๆ ส่วนในแวดวงธุรกิจก็เป็นงานแถลงผลประกอบการปีที่ผ่านมา แผนงานปีหน้าและงานสัมมนาพยากรณ์ทิศทางธุรกิจปีใหม่

ทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผ่านทางเวทีแถลงข่าวเวทีสัมมนาต่างๆ พอสรุปได้สั้นๆ ว่าปีใหม่ก็ยังเติบโตต่อไป GDP ประเทศจะโต 4% กว่า อสังหาฯ จะเติบโต 5-10% ที่อยู่อาศัยแนวราบทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว จะกลับมาโตมาก ส่วนแนวสูงยังเติบโต แต่อัตราโตจะน้อยลงกว่าเดิม

นี่เป็นกิจกรรม เป็นความจริงที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ต่อเนื่องมาหลาย 10 ปี

แต่ก็เป็นที่รู้กันในหมู่ผู้ประกอบการผู้บริหารธุรกิจว่า ที่พูดกันในที่สาธารณะ หรือพูดผ่านสื่อนั้น เป็นเพียงบางส่วนของข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด

ยังไม่มีเรื่องของคุณภาพการก่อสร้างที่มีปัญหา เวลาการส่งมอบโอนกรรมสิทธิ์ที่บางโครงการยังไม่ตรงเวลา ปัญหาการบริหารจัดการชุมชนของนิติบุคคล ที่จะมักไม่พูดกันผ่านสื่อ

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องห้องชุดเหลือขายที่คงค้างสะสมจำนวนมากในบางทำเลบางระดับราคาและหลายโครงการ มักจะถูกเลี่ยงที่จะพูดกันเปิดเผยผ่านสื่อเพราะเกรงจะมีผลกระทบต่อตลาดโดยรวม

 

กิจกรรมกิจวัตรที่ปฏิบัติกันจนคุ้นเคยมาตลอดหลายสิบปีเช่นนี้ เป็นการปฏิบัติบนพื้นฐานการสื่อสารผ่านสื่อ “แมสมีเดีย” อาทิ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบวันเวย์หรือสื่อสารข้างเดียวจากผู้ให้ข้อมูลข่าวสาร ที่ผู้ให้ข้อมูลข่าวสารสามารถบริหารจัดการได้ระดับหนึ่งที่มากพอสมควร

แต่ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนสื่อสารกันผ่านโซเชียลมีเดีย อาทิ เฟซบุ๊ก เว็บไซต์ ไลน์ และอีกมากมาย

ทำให้การสื่อสารไม่ได้มีแค่รูปแบบเดิมๆ อีกแล้ว คนที่ไม่มีสิทธิมีเสียง ไม่มีช่องทางแสดงความเห็นหรือไม่สามารถให้ข้อมูลข่าวสารได้ในสมัยก่อน ยุคนี้เขาสามารถแสดงความคิดเห็นได้แล้ว

ลองไปดูตามโพสต์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่โครงการใหญ่ๆ มักจะมีคอมเมนต์ของคนทั่วๆ ไปมาต่อท้ายอยู่เสมอ มากบ้างน้อยบ้าง หรืออาจมีคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องมาถามอะไรที่ดูง่ายๆ เกินไปบ้าง

แต่โดยรวมทั้งหมดถือได้ว่าเป็นทัศนคติที่มองต่อโครงการอสังหาฯ นั้นๆ

บริษัทยักษ์ใหญ่บางรายที่เคยให้ประสบการณ์ไม่ดีกับลูกบ้านเกี่ยวกับเรื่องคุณภาพงานก่อสร้างบ้าง บางรายเกี่ยวกับการบริหารชุมชนบ้าง ก็จะเห็นในคอมเมนต์ในโลกโซเชียลเป็นประจำ เพราะลูกบ้านที่ได้รับประสบการณ์ไม่ดีเขาฝังใจ

เลยระบายทุกทีที่มีโอกาส

 

เสียงสะท้อนของคนตัวเล็กตัวน้อยหรือของลูกค้าจำนวนมากที่สื่อแมสมีเดียแบบดั้งเดิมเขาไม่ค่อยมีโอกาสแสดงออก แต่ในยุคโซเชียลมีเดียเขามีสิทธิมีโอกาส จะเป็นเรื่องสำคัญมาก

จะเป็นมุมใหม่ที่เข้ามาเกี่ยวพันกับธุรกิจอย่างไม่ อาจเลี่ยงได้

แม้แต่เรื่องการเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ท่านให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าประชาชนอยากให้ท่านลาออกท่านก็จะออก”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนประชาชนตัวเล็กตัวน้อยไม่รู้จะไปแสดงความเห็นที่ไหน

แต่ทุกวันนี้โพลในโซเชียลมีเดียผุดกันหลายเจ้า และส่วนใหญ่เห็นตรงกันด้วยว่า

ท่านควรลาออก