ทวีปที่สาบสูญ : มันเป็นเช่นนี้เองหรือ…เจ็บแทบขาดใจ โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

 

ระริน…ฉันยินคำสาป
ฉันเป็นคนบาปที่ไร้ทางไป

นางฟ้าระรินหลับไปแล้ว ในยามดึกดื่นคืนดำ ยินเสียงหายใจแผ่วเบาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ หลังจากฉันพูดออกไปมากมายหลายอย่าง ใต้สายตาที่มองจ้องมาของเธอ ในที่สุด เธอก็ดึงฉันเข้าไปกอดไว้

เป็นอ้อมแขนที่นุ่มนวล ปรานี เธอไม่มีคำพูดอะไรให้กับฉันมาก เพียงลูบหัวฉันอย่างเป็นลูกหมาลูกแมวตัวหนึ่ง และบอกว่า

– หลับเถอะ หลับเสีย พรุ่งนี้จะได้ไปทำงาน

ฉันขดตัวเข้าหาอ้อมแขนนางฟ้า สิ้นไร้พยศใดๆ ในห้วงนั้น น้ำตายังบ่าไหลไม่ขาดสาย แต่มีความอุ่นผ่าวซ่านซึมอยู่ในหลุมโพรงภายใน

หากฉันก็ตัดสินใจแน่วแน่

แค่รอให้สว่างเท่านั้น

เมื่อตอนผ่านเข้ามาในสวน ฉันเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอยู่ตรงปากทาง ใบแผ่กว้างและกิ่งก้านแข็งแรงไม่น้อย คงไม่เปราะนักหากจะไต่ปีนขึ้นไป

ว่าแต่ฉันจะหาเชือกหรือผ้าสักผืนจากไหน…นึกถึงภาพเชือกยาวๆ แก่งไกว การมัดคอตัวเองก่อนกระโดดลงมา จะใช้เวลานานไหม…

หรือว่า…ฉันจะไปรอที่หน้าถนนโน่น คอยให้มีรถยนต์วิ่งมาเร็วๆ สักคัน แต่ถ้าฉันกระโดดออกไปให้รถทับ มันจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่า

กระโดดน้ำล่ะ…จะมีแม่น้ำลำธารใกล้ๆ ตรงไหนบ้าง ฉันว่ายน้ำไม่เป็น กระแสซัดครู่เดียวก็คงจมหาย แต่มันจะอึดอัดทรมานมากมั้ย ฉันจะตะเกียกตะกายกลับขึ้นฝั่งเสียเองหรือไม่

หรือว่า จะต้องหาก้อนหินมาทำทิ้งถ่วงเอาไว้

…กูจะมัดคอตัวเองยังไง

กูจะไปตายยังไง

โดยไม่ต้องให้ใครพบซากศพอีก

….

….

ความคิดมากมายไหลวนอยู่ในหัวสมอง หากมันมีปีก คงเหมือนฝูงนกนับพันหมื่นบนท้องฟ้า ทุกๆ ตัวโบกปีกเรียกชวนฉันว่า

ไปเถอะ

ไปเสีย

ไปสู่ความตายเสีย

ชีวิตมึงควรสิ้นสุดแต่เท่านี้

ในชีวิตนี้ มึงได้มีได้พบครบทุกอย่างแล้วนี่

ทั้งคนชั่วคนดี

และนางฟ้า…

“ไม่หลับอีกหรือ…”

เสียงพูดเหมือนละเมอ แต่ก็ไม่ใช่ เงยหน้า เพิ่งรู้ตัวว่ายังนอนในอ้อมกอดนางฟ้าอยู่ และแขนของนางฟ้ายังป่ายมาบนตัวฉัน

“…ยังไม่ง่วง” ตอบออกไป

“ไม่รีบหลับ พรุ่งนี้ไปทำงานไม่ไหวนะ ไม่ดีใจหรือ จะได้ที่อยู่ใหม่แล้ว”

…ก่อนได้รับอ้อมกอดนางฟ้า ฉันพูดบอกกับเธอไปหลายสิ่งอัน แม้ไม่อาจอธิบายได้หมดในสิ่งที่พบเจอมา แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เปิดใจเช่นนั้น

ฉันบอกว่า ฉันไม่ได้อยากเป็นคนขี้แพ้

ฉันบอกว่า ฉันแค่อยากมีชีวิตดีๆ เหมือนคนอื่นทั่วไป

ฉันบอกว่า ฉันแค่อยากได้สตางค์พออยู่พอกิน

ฉันบอกว่า ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงขี้ฝุ่นขี้ดิน ไม่อาจหวังมากในเรื่องอันใด

…แต่ฉันแค่เพียงอยากได้ความยุติธรรม

…แต่ฉันเพียงจดจำ สิ่งที่มันทารุณเกินไป

และ… ฉันไม่อยากเป็นตัวขึดของใคร

ฉันไม่เคยตั้งใจ

ฉันไม่เคยตั้งใจ

– หลับเถอะ หลับเสีย พรุ่งนี้จะได้ไปทำงาน

นางฟ้าฟังแล้วก็พูดกับฉันอย่างนั้น

เธอจะว่ายังไงนะ ถ้ารู้ว่าสำหรับฉัน ทุกอย่างมันจบลงแล้ว

มีเสียงอะไรอย่างหนึ่งดังมาก ลั่นเปรี้ยงอยู่ในโสตประสาทของฉัน พร้อมกันนั้นเองก็ยินอีกเสียงหวีดร้องขึ้น แล้วทุกอย่างก็โกลาหลในชั่วฉับพลัน

ระรินกระโดดขึ้นจากเตียง ถลาออกไปหาประตู ดึงกลอนออก ฉันยังเคว้งคว้างอยู่กลางห้อง จนกระทั่งได้ยินอีกเสียงที่ทำให้เลือดแทบเยือกแข็ง

นางฟ้าระรินกรีดร้อง ทั้งแหลมและสูงแทบฉีกบาดทุกมวลอากาศรอบตัว

วินาทีที่ฉันไปถึง หมาหมอกนอนตาแข็งค้าง เจิ่งเลือดไหลนอง

ชายหนวดเฟิ้มยืนอยู่ใกล้ๆ ในมือมีปืนพกสั้นหนึ่งกระบอก

“…เกิดอะไรขึ้น!” ฉันเบิกตา รู้ได้ว่าตัวเองปากสั่นสะท้าน

“ขโมยเข้าบ้าน!” พ่อของเด็กสาวเสียงกร้าว “ร้อยวันพันปีไม่เคยมีเรื่องหยั่งนี้ ไอ้ห่าสารเลวที่ไหน!”

หญิงวัยกลางคนหน้าตื่นวิ่งเข้ามาอีกคน เห็นภาพข้างหน้าก็ราวว่าจะเป็นลม

“คุณ!…หนูริน!”

นางฟ้าระรินตัวเปื้อนเลือดไปหมดแล้ว เด็กสาวงัดร่างสีน้ำตาลขึ้นมา พยายามจะยกตัวหมาขึ้น

“…ใคร…ใครยิงมัน” หญิงวัยกลางคนถาม

มีเพียงความเงียบและความว่างเปล่า ชายร่างใหญ่หันไปหาลูกสาว พอลดเสียงเบา ฟังเหมือนลิ้นไก่สั้น

“…เข้าห้องไปก่อนเลย เดี๋ยวพ่อจัดการเอง”

ฉันจะไม่มีวันลืมเสียงนั้นได้แน่…คงไม่มีวันลืมมันได้ ด้วยการรัดกอดแนบแน่นมากกว่าตอนนางฟ้ากอดฉัน เด็กสาวหลั่งน้ำตาลงบนขนหมา ร่ำไห้ออกมาสุดเสียง

ฉันถอยหลังออกจากทุกคนช้าๆ

แล้วมันก็เกิดขึ้นอีก

เหตุการณ์ซ้ำๆ เช่นนี้

กูไปที่ไหน ก็ปะแต่เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ

…กูเอาความซวยมาให้เขาหรือเปล่า

กูเป็นตัวขึดจริงๆ ใช่มั้ย…

“…เฮ้ย จับมันไว้!” พ่อของเด็กสาวตวาดลั่นขึ้น “มึงเป็นสายให้โจรหรือเปล่า!”

ตอนที่ฉันคิดว่าจะต้องไปหาที่ตาย โลกกลับกลั่นแกล้งฉุดกระชากไว้ แต่พออยากได้เพียงเล็กน้อยของอากาศ กลับพบแต่ความอึดอัด…และฉันกลับพยายามจะหายใจ

รู้สึกตัวอีกครั้ง เจ็บไปหมดทั้งหัวและหน้า หนักอึ้งเหมือนใครล่ามก้อนหินไว้กับคอ น้ำเย็นเฉียบสาดเข้ามาอีกโครม ทะลึ่งตัวจะลุก ก็พบว่าถูกมัดมือเอาไว้

พ่อของระรินยืนตระหง่านเงื้อมหัวอยู่ สายตาลุกวาว

“…บอกมา! พวกของมึงอยู่ไหน! ใครส่งมึงมา!”

ระรินยืนอยู่ข้างๆ แม่เลี้ยง เด็กสาวพยายามร้องห้าม

“พ่อ! อย่า เขาไม่รู้เรื่อง!”

“รู้ได้ยังไง! รู้จักหัวนอนปลายเท้ามันรึ!”

“รินพาเขามาเอง!” เด็กสาวร้อง พยายามรั้งตัวออก และฉันเพิ่งเห็นว่า เด็กสาวถูกคนในบ้านรั้งแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง

“มันมาหลอกตีสนิทใช่มั้ย!”

“ไม่ใช่! รินชวนเขามาเอง”

“…งั้นก็ให้ตำรวจเขาจัดการเถอะ” หญิงวัยกลางคนแทรกเสียงขึ้น

“จะเอาตำรวจมายุ่งทำไม!” พ่อของเด็กสาวสวนกลับทันที “เดี๋ยวได้ซวยทั้งบ้าน จะให้มันมาค้นข้าวของรึ!…อีเด็กคนนี้แน่เรียกพวกมันมา”

“…คุณทันเห็นตัวมันหรือเปล่า”

“ไม่ทัน! ดีว่าออกมาสูบบุหรี่ เห็นพุ่มไม้ไหวๆ เข้าพอดี!”

“พ่อไม่เห็นตัว แล้วรู้ได้ยังไงว่าเป็นขโมย!”

“ไม่ใช่ขโมยแล้วจะเป็นหมาตัวไหน!…มีแต่หมาเท่านั้นแหละ มาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้!”

น้ำลายถ่มถุยเฉียดหัวฉันไป กลิ่นสาบเหล้าคละคลุ้ง

“…พ่อ” เด็กสาวเบิกตา “…พ่อเมาแล้วตาฝาดหรือเปล่า พ่อยิงโดนหมอกเองใช่มั้ย!”

คราวนี้ไม่มีคำตอบใด กลิ่นสาบขี้ห่าเหล้ายังโชยออกมาจากปากใต้หนวดหนา นางฟ้าของฉันแผดเสียงร่ำไห้ขึ้นอีก พลางยินการดิ้นรน การฉุดกระชาก หลายคนในบ้านพยายามลากเด็กสาวให้กลับเข้าในเรือน

เหลือแต่ฉันกับชายผู้มึนเมา

“บอกกูมาซิ! อีห่าหมา!”

พ่อของระรินย่อตัวลง มือแข็งเหมือนคีมบีบคางฉัน ผลักให้หงายหน้าขึ้น

“…ฉันไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ทำอะไร”

“มึงแน่ใจนะ!”

“…ฉันไม่ได้ทำอะไร”

ร้าวไปทั้งหัวอีกครั้ง ตอนอ้ายหมารอยถูกฟาดเข้าที่กกหูจะเจ็บเท่านี้ไหม ฉันยังจำเรื่องห่าเหวพวกนั้นได้ คราวพี่จูโดนอ้ายชัยกระทืบอีก มันเป็นเช่นนี้เองหรือ…เจ็บแทบขาดใจ ล้มกลิ้งจนตัวงอบนขี้ดินเหลวเฉอะแฉะ แต่หลังตีนยังตวัดมาใส่ พยายามหนี ก็ถูกลากให้กลับมา

นานแสนนาน…นานเหลือเกิน กว่านางฟ้าของฉันจะวิ่งกลับมาใหม่ และแผดเสียงอีกโหยหวนในคืนนั้น.