ก่อนเข้าสู่มหายาน : เสถียร โพธินันทะ

มีความโน้มเอียงไปทางด้านจีนอย่างเด่นชัด ตั้งแต่ยังเป็น ด.ช.เสถียร กมลมาลย์ กระทั่งเติบใหญ่พัฒนามาเป็น เสถียร โพธินันทะ

จับร่องรอยจากบทความ “พระพุทธศาสนากับคนหนุ่ม” เมื่อปี 2488

จะเห็นความโน้มเอียงอันเป็นอย่างจีนและกลิ่นอายแห่งมหายาน จากบางประโยค บางถ้อยคำ นั่นก็คือ คำว่า “พุทธะ” แปลว่า “ผู้ตื่นแล้ว” เป็นนามอัน “พระศรีศากยมุนี” ทรงได้รับในฐานะที่พระองค์ได้เป็นผู้ค้นพบความจริงที่ประกอบด้วยเหตุผลและเป็นผู้ประกาศธรรมะทั้งหลายในศาสนานี้

และสรรพสัตว์ทั้งหลายก็อาจเป็น “พุทธะ” ได้ด้วยเหมือนกัน

ฉะนั้น คำว่า “พุทธะ” จึงไม่ใช่จำกัดแต่เฉพาะ “พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า” พระองค์เดียว ถ้าผู้ใดอยากเป็นพระพุทธเจ้าบ้างก็เป็นได้

แต่จะต้องบำเพ็ญคุณงามความดีให้เสมอดังพระพุทธเจ้า

“เพราะพุทธภาวะนี้เป็นคุณชาติอันหนึ่งซึ่งตั้งอยู่อย่างไม่รู้จักสุดสิ้นและเป็นนิจนิรันดร สัตว์ทั้งหมดก็เป็นผู้มีส่วนร่วมของคุณชาติอันนั้น” พร้อมกับอ้างในวงเล็บว่า (จากหลักสัทธรรมปุณฑริกสูตรของพระพุทธศาสนามหายาน)

และยิ่งเขียนบทความนำเสนอผ่าน “ธรรมจักษุ” ของสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย ก็ยิ่งส่องชี้ทิศทางและความสนใจ

บทความ “เสียงแห่งเมตตากรุณา” นำเสนอฉบับประจำเดือนตุลาคม 2488-มกราคม 2489 ทางหนึ่ง มีการอ้างอิง วาเสฏฐสูตร มีการอ้างอิง อัสสลายนสูตร มีการอ้างอิง อัคคัญญสูตร ขณะเดียวกันก็มีการอ้างอิงข้อความในศิลาจารึก คัดจากเรื่อง “เมืองทอง” ของ ขุนศิริวัฒนาอาทร และของพระยาประมวลวิชาพูล

กระนั้น ในท่อนท้ายก็อ้างอิง “สุขาวดียูหสูตร” ประสานกับการขึ้นต้น

บทที่ 1 แห่งพงศาวดารโลกมนุษย์ แต่หาใช่เป็นยุคสมัยอนารยะ หากเป็นยุคของอารยธรรมที่ไม่เคลือบหุ้มจากมายาของบทเก่าๆ ของพงศาวดารที่เต็มไปด้วยการเห็นแก่ตัวและการนองเลือดเพราะปฏิกิริยาของมัน

แต่ต่อนี้ไปกลับจะเป็นพงศาวดารแห่งความบริสุทธิ์สะอาด เจือปนไปด้วยความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์

ในโลกนี้จะมีแต่เหล่า “อภิชน”

จนอาจจะเรียกว่าเป็น “พุทธเกษตร” อันอุดมด้วยความสงบสุข ประดุจดังสุขาวดี พุทธเกษตรของพระอมิตาภพุทธเจ้าฉะนั้น

ท่อนท้ายระบุ ท่านสุชีโว ภิกขุ แปลจากภาษาสันสกฤต

อย่าได้แปลกใจหากเมื่อนิตยสาร “ธรรมจักษุ” ฉบับประจำเดือนมิถุนายน-กันยายน 2489 เสถียร กมลมาลย์ ก็นำเสนอบทความเรื่อง “มองโกเลีย ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา”

ระบุเป็นการเรียบเรียงจากภาษาจีนของ “องค์การค้นวิชาประเทศจีน”

พระพุทธศาสนาที่ถือในมองโกเลียเป็นพระพุทธศาสนามหายานนิกายมันตรยานหรือพุทธตันตรยานสืบมา

เนื่องจากทิเบตพุทธตันตรยานมีกำเนิดขึ้นในอินเดียราว พ.ศ.1500 ปีมีนามเรียกว่าวัชรยาน หรือสหัชยานกาลจักร มีลัทธิพราหมณ์บางอย่าง ทั้งนี้ เนื่องด้วยความจำเป็นกาลเวลาสมัยนั้นศาสนาพราหมณ์รุ่งเรืองกว่าพุทธศาสนา พระภิกษุทั้งหลายย่อมต้องหาช่องทางจูงใจประชาชน

อีกทั้งพระพุทธศาสนาไม่หวงแหนและรับรองคำสอนบางข้อของพราหมณ์ก็มี ฉะนั้น การเอาลัทธิพราหมณ์มาคละจึงเป็นไปโดยกาลเทศะ เพราะยิ่งห่างจากพุทธกาล การแตกแยกก็เป็นของธรรมดา

สมัยนั้นอินเดียมีนิกายพุทธศาสนาที่สำคัญ เช่น เถรวาท สรวาสติวาท เสาตรานติกะ ไวภาษิก มาธยมิกและโยคาจารย์ เป็นต้น แต่ทุกนิกายมีหลักอภิธรรมอันหนึ่งอันเดียวกันคือ หลักอริยสัจจ์และพระไตรลักษณ์

ท่านคณาจารย์ทั้งหลายมีความเห็นในทางเดียวกัน คืออริยมรรคมีองค์ 8 นั้น เป็นทางที่ไปสู่พระนิพพานได้ถึงแม้ความเห็นบางอย่างในพระนิพพานจะแตกต่างกันบ้าง

พระพุทธศาสนานิกายมันตรยานในทิเบตและมองโกลก็เช่นเดียวกัน ชาวทิเบตและมองโกลก็รู้จักอริยสัจจ์และไตรลักษณ์ดีเท่าๆ กับพวกเราฝ่ายเถรวาทเหมือนกัน

เป็นความโน้มเอียงอันนำไปสู่หนังสือ “ปรัชญามหายาน” และ “เมธีตะวันออก” ในเวลาต่อมา