อุรุดา โควินท์ / ความทรงจำ : ข้าวต้มเรื่องมาก

ฤดูหนาวมาพร้อมกับตุลาคม

เริ่มจากเย็นนิดๆ เย็นมาก เย็นจังเลย อ้าว หนาวแล้ววุ้ย หนาวจนไม่อยากตื่น หนาวจนเป็นไข้ (ไม่ต้องไปโรงเรียน) หนาวจนสั่น (ไม่อาบน้ำสิบวันก็อยู่ได้)

กระทั่งปลายมกราคมจึงเริ่มอุ่น กว่าลมฤดูร้อนมาถึงก็ปลายมีนาคม

ครั้นต้นเมษายน-ซอมพอหลวงบาน จากนั้นไม่นานเราจะได้เล่นน้ำปีใหม่ (สงกรานต์) เย้…

สามสิบกว่าปีก่อน เชียงรายมีฤดูหนาวหลายเดือน นานเกินไปสำหรับฉัน (ในวัยสิบขวบ)

อืม…แต่มันจะดีมากเลยล่ะ ถ้าคืนนั้นมีสักบ้านลุกขึ้นมาก่อไฟกองใหญ่ โยนหัวมันเข้ากองไฟ ถ้าได้เผาข้าวหลามถือว่าสุดยอด

หรืออย่างน้อย ขณะเราเล่นเกมเศรษฐี แม่พูดขึ้นว่า ทำบัวลอยไข่หวานกันเถอะ

ไม่มีกะทิ แต่เราก็ปั้นแป้งต้มในน้ำเชื่อม ทุบขิงใส่เยอะๆ น้ำเชื่อมของแม่ไม่หวานจัด ซดแล้วอุ่นท้อง บัวลอยไข่หวานไร้กะทิแบบน้ำท่วมทุ่งคนละถ้วย ทำให้ฉันหลับสบายขึ้น

ฉันมักหยิบฤดูหนาวอันแสนนาน ของ ลอร่า อิงกัลล์ส ไวส์เดอร์ มาอ่าน

มันเป็นหนังสือประจำฤดูหนาว ความหนาวในหนังสือช่วยบรรเทาความหนาวที่ฉันเผชิญ…

ดีแค่ไหน ที่เราไม่ขาดแคลนอาหาร

เราไม่หนาวกระทั่งต้องก่อไฟในบ้าน

 

แล้วฤดูหนาวก็ผ่านพ้น

แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยหายไปจากบ้านของเรา ไม่สิ ต้องบอกว่า จากชุมชนของเรา คือข้าวต้ม

เราอยู่กันหลายครอบครัวบนพื้นที่ 2 ไร่ ซึ่งทั้งหมด (ยกเว้นฉันกับน้องสาว) ไม่ใช่ชาวเชียงรายโดยกำเนิด

ตาพาแม่ย้ายถิ่นฐานมาจากราชบุรี แม่ว่าที่ดินถูกมาก ตาเลยซื้อไว้หลายผืน ทยอยขายทีละผืน เหลือผืนสุดท้ายเป็นฐานที่มั่น บนที่ผืนเล็ก (แต่โคตรใหญ่สำหรับฉันตอนนั้น)

นอกจากบ้านของตายาย บ้านพ่อกับแม่ ก็ยังมีบ้านเช่าของตาอีกสี่หลัง

ฉันเติบโตบนที่ดินซึ่งมีสวนเล็กๆ ตรงกลาง แวดล้อมด้วยหลายครอบครัว มีบ้านเช่าสองหลังที่ผู้เช่าอยู่นานจนฉันเดินเข้าออกเหมือนเป็นบ้านตัวเอง

ฉันวิ่งวุ่นอยู่ในบ้านสี่หลัง บ้านแม่ บ้านตากับยาย บ้านของป้ารวย และบ้านของลุงซิม

บ้านทั้งสี่หลังแตกต่างกันมาก และฉันคล้ายเด็กสี่คนในร่างเดียว

อยู่บ้านพ่อแม่ฉันเป็นเด็กดื้อ

อยู่บ้านยายฉันสงบปากสงบคำ

อยู่บ้านป้ารวยฉันขยัน (ชอบช่วยเขาทำกับข้าว)

อยู่บ้านลุงซิม ฉันขี้อาย ยิ่งโตก็ยิ่งอาย อาจเพราะแกมีลูกชายสองคน แล้วไม่รู้เพราะอะไร ฉันไม่สนิทกับพี่เขาสักที

สิ่งที่บ้านทั้งสี่หลังมีเหมือนกันคือข้าวต้ม

 

ทุกบ้านชอบกินข้าวต้มเป็นมื้อเช้าในทุกฤดูกาล ให้ตายเถอะ ตอนเด็กฉันไม่ชอบข้าวต้มเลย ไม่ว่าจะกินแบบไหน กินกับอะไร

ฉันเกลียดความเละ และไม่สาใจหากไม่ได้เคี้ยวเม็ดข้าว

มื้อเช้า ถ้าแม่ต้มข้าว ฉันจะวิ่งไปขอข้าวเหนียวจากบ้านยาย บ้านยายมีทั้งข้าวเจ้า (ของยาย) ข้าวนึ่ง (ของลูกบุญธรรมยาย) และข้าวต้ม (ของตา) ได้ข้าวนึ่งนิ่มๆ ฉันกลับอร่อยง่ายดาย กินได้กับทุกสิ่ง จิ้มเต้าหู้ยี้ฉันก็กิน

เช้าเสาร์-อาทิตย์ ไม่ต้องเดา เดินเข้าครัวต้องได้เห็นหม้อข้าวต้ม แม่ทำกับหลายอย่าง ยำกุนเชียง หัวไชโป๊ผัดไข่ ปลาอินทรีทอด บางวันก็มีไข่เจียว หรือผัดผัก

ทั้งหมดนั้นฉันชอบ แต่ฉันปฏิเสธข้าวต้ม ไม่เอา! ไม่กิน! วิ่งหน้าตั้งไปบ้านตายาย จกข้าวนึ่งจากกระติบมาเต็มกำมือ

เด็กเรื่องมาก แม่ว่า

พ่อพยักหน้าเห็นด้วย

ดูเหมือนการตำหนิ แต่พ่อแม่มียิ้มที่มุมปาก ซึ่งฉันพอเข้าใจ ฉันเป็นเด็กแสนน่ารัก (ต่างกับตอนนี้ลิบลับ) ฉันจึงดื้อชนิดย่าขู่ว่า รู้งี้เอาขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่ยังตัวแดง

ยิ่งย่าว่า ฉันก็ยิ่งวีน โธ่…ถ้าไม่เอาแต่ใจก่อนสิบขวบ คุณจะเอาแต่ใจตอนไหน

 

เรื่องเล่านี้หลั่งไหลมา ขณะฉันทำข้าวต้ม ฉันยักคิ้วให้เด็กหญิงหัวฟูคนนั้น หากทำได้ ฉันจะส่งนิ้วไปหยิกเธอด้วย (หมั่นไส้เหลือเกิน)

ทุกวันนี้ฉันกินข้าวต้มอร่อย และเมื่อทำอาหารกินเอง ฉันก็ทำข้าวต้มเป็นมื้อเช้าบ่อยขึ้น (เข้าใจแม่แล้ว ว่ามันสะดวกเช่นไร)

คุณจะไม่ยุ่งยากกับข้าวต้มเลย หาก-มีน้ำซุปอยู่ในตู้เย็น ฉันต้มซุปกระดูกใส่ถุงเก็บไว้เสมอ ทำแกงจืดได้ ทำข้าวต้มก็ดี หรือจะทำซุปมะกะโรนี ทำก๋วยเตี๋ยว ได้ทั้งนั้น

ใช้กระดูกสันหลังหมูหรือบางคนเรียกเล้ง ใส่น้ำให้เยอะหน่อย ตั้งไฟแรง พอน้ำเดือด ก็ช้อนฟองออก แล้วเคี่ยวไฟอ่อนราว 30-40 นาที

ถ้าบังเอิญวันนั้นมีหัวผักกาด และ(หรือ)หอมหัวใหญ่ก็ใส่ลงไปด้วย เคี่ยวซุปไม่ต้องเฝ้า แค่วางใจในไฟอ่อน จับเวลาไว้ ครบ 40 นาทีก็กรองเอาแต่ซุป แบ่งเก็บไว้เป็นถุง

อุ่นซุปให้ร้อน ใส่ข้าวหุงที่เหลือจากมื้อเย็นลงหม้อ ควรใส่ข้าวน้อยไว้ก่อน ถ้าคุณชอบข้าวนิ่ม มียางเพราะเมื่อข้าวเจอน้ำนานๆ จะเพิ่มปริมาณอีกเท่าตัว

ยายชอบใส่ข้าวนึ่งลงไปนิดหน่อย ยายว่าดี หลานใส่ด้วย รอข้าวเม็ดบานได้ที่ ฉันใส่หมูสับลงหม้อ หมักหมูไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

อาหารก็เหมือนทุกเรื่อง ถ้าทำจนเข้าเส้น เราย่อมคิดล่วงหน้าโดยอัตโนมัติ

การวางแผนทำให้เหนื่อยน้อยลง ประหยัดเวลา และมีโอกาสประสบความสำเร็จมาก

 

บรรทัดข้างต้นฉันจำมาจากเจ้านายตอนทำงานธนาคาร นำมาใช้กับการครัวทุกวัน เอาเข้าจริง มันใช้ได้กระทั่งกับการซักผ้าถูบ้าน คิดล่วงหน้า ย่อมได้เปรียบ มีชัยไปกว่าครึ่ง

หมู-ฉันหมักกับซีอิ๊วขาวและน้ำมันงา ใส่กล่องเล็กยัดไว้ในตู้เย็น เช้านี้ก็แค่บิเป็นชิ้นเล็กๆ ลงหม้อ ถ้าคุณชอบปั้นก้อน ควรจัดไปตามต้องการ ข้าวก็เช่นกัน หากนิยมแบบเป็นเม็ดสวยๆ ก็เอาหมูลงในซุปก่อน พอซุปเดือด ค่อยใส่ข้าว รอเดือดอีกทีก็ปิดไฟ หรือบางบ้านใช้น้ำซุปร้อนฉ่าตักลงในชามข้าวสวยเลย-ก็ต้องได้สิ

ข้าวต้มของคุณ ชอบแบบไหนทำแบบนั้น แม่ครัวได้รับสิทธิ์ให้เอาแต่ใจ (ทำเองกินเอง)

ฉันปรุงรสข้าวต้มด้วยเกลือกับซีอิ๊วขาว ไม่รสดี ไม่ผงชูรส เชื่อมั่นในซุปของตัวเอง และยางข้าว

สำหรับฉัน ข้าวต้มอร่อยเพราะมีต้นหอมกับขึ้นฉ่ายโรยหน้า เพราะมีกระเทียมเจียวใหม่ๆ อืม…หยอดน้ำมันกระเทียมเจียวสักหน่อย และต้องกินขณะข้าวต้มร้อน (ไม่ว่าอากาศเย็นหรือร้อน)

ทั้งไม่ลืมเหยาะพริกไทย จะดำหรือขาว ก็-สุดแต่ใจแม่ครัว

 

เช้านี้ฉันเสิร์ฟในถ้วยเล็ก เพื่อจะได้เติม

ชามแรก-กินแบบไม่ปรุง

ชามต่อมา ฉันใส่พริกน้ำส้ม พริกป่น บางทีฉันเติมน้ำปลา ทำไมจะไม่ได้ล่ะ (ยักไหล่) และถ้วยที่รสจัดแบบนั้น ฉันมักประโคมต้นหอมกับขึ้นฉ่าย

เอ้า…สองชามยังไม่อิ่ม ชามที่สาม ฉันลวกไข่ใส่ลงไปด้วย

กินสามชามต้องไม่เหมือนกันสักชาม ข้าวต้มหมูจากหม้อเดียวเนียะ

แล้วถ้าอากาศไม่เย็น (หรือตื่นสายไปหน่อย) ฉันจะยกถ้วยข้าวต้มขึ้นไปกินบนห้องทำงาน เปิดแอร์ให้ฉ่ำใจ

เสียงแม่ลอยมาเลย “เรื่องมากจริงๆ เด็กคนนี้”

ยอมรับข้อกล่าวหาอย่างชื่นบาน นอกจากเรื่องมาก ฉันยังมีมากเรื่องจะโม้อีกด้วย