ฉัตรสุมาลย์ : บรรพชาสามเณรีที่ฮ่องกง

ติดตามท่านธัมมนันทามาที่ฮ่องกงเป็นครั้งที่สองในปี 2560 คราวนี้ท่านได้รับนิมนต์ให้มาเป็นปวัตตินี บรรพชาสามเณรีสายเถรวาท สืบเนื่องจากที่มาฮ่องกงครั้งก่อน ได้พบว่าที่ฮ่องกงมีภิกษุณีสายเถรวาท ชื่อท่านอุตตรนันที บวชมาจากศรีลังกา น่าจะได้ 8 พรรษาแล้ว

ท่านพยายามจัดการบรรพชาสามเณรีชั่วคราวมาสองครั้งก่อนหน้านี้ โดยทั้งสองครั้งนิมนต์ปวัตตินี คือท่านสุมิตรามาจากศรีลังกา แต่ท่านสุมิตราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ท่านก็เลยได้มาเฉพาะมาทำพิธีบรรพชา แต่ไม่ได้สอน งานสอนตกอยู่ที่ท่านอุตตรนันทีเอง

คราวนี้ ท่านได้พบท่านธัมมนันทา และได้ติดต่อนำหนังสือภาษาอังกฤษของท่านธัมมนันทาที่มีอยู่ในท้องตลาด 5-6 ปก มาวางขายที่ร้านหนังสือของผู้สนับสนุนท่านในฮ่องกง

ท่านอุตตรนันทีเองเดิมเป็นนักกฎหมาย เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่พูดได้ไม่คล่องนัก คราวนี้ท่านก็เลยได้นิมนต์ท่านธัมมนันทามาให้การบรรพชา และนิมนต์ให้ท่านสอนด้วย

ท่านเดินทางมาร่วมงานบรรพชาสามเณรีที่วัตรทรงธรรมกัลยาณีเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม เพื่อสังเกตการณ์ว่า เราจัดเตรียมงานบวชอย่างไร และอยู่จนครบ 9 วัน

ท่านทำการประชาสัมพันธ์การบรรพชา และจัดให้ท่านธัมมนันทาบรรยายธรรมที่คลับของพวกครูในเมือง และในพื้นที่ของศูนย์การค้าในเมืองด้วย

มีผู้สนใจอยากเรียนรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาสายเถรวาทมาฟังจำนวนหนึ่ง มีคนไทยที่รู้จักท่านธัมมนันทาจากสื่อ เข้ามาทักทายด้วย

 

งานบรรพชาวันที่ 23 ธันวาคม 2560 จัดที่วัดเมี่ยวกก เหมือนกับวัดจีนทั่วไปที่เราเห็นในเมืองไทย อยู่ในหมู่บ้านฟุ้งคัดเหิง เมืองหยุ่นหลอง ในเขตนิวเทอริทอรี่ มีผู้สมัครบรรพชา 5 คน และขอรับศีลแปด 8 คน

ตอนเช้ายังได้ยินเสียงขานนาคกัน คนจีนที่ต้องสวดภาษาบาลีไม่ง่ายเลย เขาต้องเขียนคำสวดภาษาบาลีเป็นภาษาจีน ซึ่งภาษาจีนก็ไม่สามารถออกเสียงได้ตรงกับภาษาบาลีทุกคำ การฝึกฝนจึงใช้เวลานานกว่าธรรมดา

ในจำนวนผู้ขอบวช 5 คน คนหนึ่งเป็นชาวฟิลิปปินส์ มาทำงานรับใช้เจ้านายที่ฮ่องกงซึ่งเป็นพุทธ บังเอิญสุนัขที่อยู่ในความดูแลของเธอตาย เธอจึงสามารถขอเจ้านายมาบวชได้ 7 วัน

อีกคนหนึ่ง ตัวใหญ่กว่าเพื่อน เป็นพยาบาล แต่ออกมาทำนา คนนี้น่าสนใจมาก พูดภาษาอังกฤษได้ดี

สำหรับผู้ที่บวชสามเณรี 5 คน มีชื่อเสียงเรียงนามตามเสียงกวางตุ้งดังนี้ ชั่น ซก หว่า อายุ 54 ปี ทาม ไกว จี๊ อายุ 57 ปี โจวิตา เอ็นคานาเชี่ยน ชาวฟิลิปปินส์ อายุ 56 ปี ไล ซก ยิ้ง อายุ 47 ปี เชิกเค็ง อายุ 56 ปี

เป็นที่แน่นอนว่าท่านธัมมนันทาไม่สามารถเรียกและจำชื่อลูกศิษย์ได้ พอบวชแล้วก็เรียกฉายาที่เป็นภาษาบาลีง่ายกว่าเยอะ ชื่อ สุสีลา มุทิตา ปัญญา สุโชติกา และสุโพธิ

ในจำนวนผู้ขอศีล 8 นั้น ส่วนใหญ่เข้าใจภาษาอังกฤษได้ดี มีคนหนึ่งชื่อเจนนี่ เป็นอาสาสมัครไปช่วยงานอยู่ที่เมืองมาลาวี แอฟริกามาหกปีแล้ว ทุกปีก็จะกลับมาฮ่องกงเพื่อดูแลบ้านช่อง และคราวนี้ก็เลยได้โอกาสมาศึกษาธรรมะด้วย

ในวันที่ 23 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันบวช ไม่มีญาติมาเลย การบวชจึงทำกันอย่างเงียบๆ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ก็ตั้งเก้าอี้พลาสติกไว้ 5 ตัว สำหรับคนที่จะปลงผม

เมื่อปลงผมแล้ว คราวนี้ถึงตอนโกน ยากลำบากอยู่ เพราะเขาถวายมีดโกนที่ผู้ชายใช้โกนหนวดอย่างดี มี 5 ใบมีด แต่พอมาใช้กับศีรษะที่มีผมสั้นๆ ยาวๆ ผมเข้าไปติดในมีดโกนทุลักทุเล ญาติโยมเตรียมโฟมแบบที่ผู้ชายใช้โกนหนวด ปรากฏว่า หลวงพี่บอกว่า เหนียว ต้องเช็ดออก และกลับไปใช้แชมพูเพื่อช่วยให้ผมลื่นเวลาปลงผมจะได้ไม่เจ็บ

 

ท่านธัมมนันทานั่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งนี้ ท่านเห็นว่า เจ้าภาพก็เป็นภิกษุณี น่าจะรู้ความต้องการในการปลงผม ถ้าใช้ปัตตะเลี่ยนตัวเดียวก็จัดการเสร็จหมดทั้ง ๕ คนในเวลารวดเร็ว แต่เมื่อไม่ได้อยู่ในบริบทที่จะทำอะไรได้ ท่านก็เฉยเสีย รอจนกว่าจะปลงผมเสร็จ ใส่ชุดชาว เพื่อเตรียมเข้าพิธี

ในช่วงของการเปล่งคำขอบวช ท่านธัมมนันทาเน้นให้ผู้ขอบวชออกเสียงอักขระให้ถูกต้อง แม้จะท่องจำมาไม่ได้ ก็ต้องออกเสียงให้ถูกต้อง

หลังจากที่ท่านธัมมนันทามอบผ้าจีวรแล้ว ทีมภิกษุณีของท่านนำผู้ขอบวชออกไปครองผ้า และกลับเข้ามาใหม่ในเวลาไม่นานนัก แต่ละคนดูใบหน้าสดใสกว่าเดิม บางทีเราคิดว่าผมเป็นเครื่องประกอบใบหน้าที่ทำให้เราดูดีขึ้น แต่ไม่เป็นความจริงเสมอไป หลายคนพอปลงผมแล้ว หน้าตากลับสดใสกว่าตอนที่มีผมอีก

เมื่อพิธีบรรพชาเสร็จ ท่านธัมมนันทาสอนอธิษฐานบาตร จีวร ฯลฯ และพินทุ คือทำเครื่องหมายบนจีวร เป็นอันเสร็จพิธี

หลวงพี่อโศก พระเถรวาทที่มาจากจีนให้โอวาท พิธีเสร็จลงอย่างงดงาม

ในช่วง 7 วัน ท่านธัมมนันทาลงทุนรับปากอยู่สอนให้วันละ 4 ชั่วโมง 09.00-11.00 น. และ 14.00-16.00 น.

เรานอนที่อาคารที่เป็นตัววัดมิวกกเลย โดยชั้นบนมีห้องหลายห้อง ทุกห้องมีเตียงและที่นอนพร้อม เนื่องจากเป็นหน้าหนาว ผ้าห่มจะเป็นผ้านวมน้ำหนักเบาแต่หนา

ท่านธัมมนันทาขอห้องข้างล่าง เพราะมีห้องน้ำในตัว โดยที่หารู้ไม่ว่า ตอนกลางคืนมีหนูตัวใหญ่ 4-5 ตัวมาวิ่งอยู่ตามคานด้านบน อาคารนี้อายุกว่า 80 ปี หนูเขาก็อยู่มาก่อนเรา เดือดร้อนตอนที่ต้องเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าเดินทางมิให้หนูเข้าถึงได้ เจ้าของหรือผู้ดูแลวัดเอาเครื่องที่ใช้ไล่หนูโดยเปิดคลื่นที่จะรบกวนและไล่หนู ต้องคอยดูว่าจะมีประสิทธิภาพขนาดไหน

เราไปรับประทานอาหารที่โรงเจซึ่งอยู่ในอาคารโรงครัวของวัด ดูเหมือนเจ้าภาพจะว่าจ้างทางโรงครัวให้จัดอาหารถวายพระเณรด้วย

 

มื้อเช้า 7 โมงเช้า มื้อเพล 11.00 น. เมื่ออาหารเสร็จ พ่อครัวจะเอากรับไม้มาตีบอกเวลา มีพระจีนชื่อท่านอโศกบวชในสายเถรวาทมาจากพม่ารูปหนึ่งเดินทางมาจากจีน มาช่วยสอนกรรมฐานตอนค่ำ เวลาฉันอาหาร ก็จะยืนเป็นแถว เริ่มต้นจากหลวงพี่พระภิกษุ ท่านธัมมนันทา ท่านอุตตรนันที เจ้าภาพ และภิกษุณีจากวัตรทรงธรรมที่รับนิมนต์ไปให้ครบ 5 รูป ต่อไปเป็นสามเณรี และอุบาสิกาที่ถือศีล 8

อาสาสมัครมายืนที่โต๊ะอาหารคอยตักข้าวและกับถวาย มื้อเช้า เป็นข้าวต้ม น่าจะใส่ชาม แต่เจ้าภาพเขาใส่บาตร ก็ไม่ว่ากัน มื้อกลางวันเป็นข้าว และอาหาร 3 อย่าง ผัดผัก ต้มผัก รสชาติเหมือนกันทุกวัน คือ จืดและจืด ได้ปฏิบัติธรรมขั้นอุกฤษฏ์

ที่นี่มีน้ำร้อนให้ตลอดเวลา แต่ไม่มีการถวายน้ำปานะตอนเย็น ทุกคนต้องช่วยตัวเอง แม้ว่าสภาพความเป็นอยู่ไม่หรู แต่สิ่งที่เป็นกำลังใจ คือ ชาวพุทธใหม่ของฮ่องกง มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนมาก

นอกจากเวลาเรียนในชั้นเรียนกับท่านธัมนันทาแล้ว ยังมีเวลาทำวัตรสวดมนต์เช้าเย็น ที่หลวงพี่ภิกษุณีชาวไทยช่วยกันสอนสวดมนต์ ตอนสองทุ่ม หลวงพี่อโศกก็มาช่วยสอนกรรมฐาน กว่าจะเสร็จร่วม 4 ทุ่ม ทุกคืน

ปัญหาการสอนคนจีนอยู่ที่ตอนที่ต้องแปลงภาษาบาลีเป็นจีน ซึ่งท่านอุตตรนันทีต้องเขียนเป็นอักษรจีนบนกระดานให้ตลอดเวลา

ในฮ่องกงมีวัดไทยอยู่ 2-3 แห่ง แต่ละแห่งก็ยังมีพระประจำอยู่เพียง 2-3 รูป พอถึงตอนเข้าพรรษาก็ต้องนิมนต์พระจากเมืองไทยให้ไปช่วยกันให้ครบ 5 รูป มิฉะนั้น จะรับกฐินไม่ได้

ที่วัดมิวกกนี้ เดิมมีพระภิกษุณีจีนอยู่ แต่ต่อมาท่านเดินทางไปประจำอยู่ที่แคนาดา ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าของวัดก็พยายามหาภิกษุณีให้มาประจำ เพราะฉะนั้น การที่เราเข้าไปขอใช้สถานที่เพื่อบวชและอบรมสามเณรี เจ้าของก็ดีใจที่เห็นว่าวัดมีความคึกคัก มีกิจกรรม

ข้างๆ วัดมีฮวงซุ้ยใหญ่มาก เรามาทราบทีหลังว่าเป็นฮวงซุ้ยของศพชาวจีนฮ่องกงเดิม 300-500 คน ที่ต่อสู้กับอังกฤษเพื่อป้องกันที่ทำกินของตนเอง

หลายศพมีเฉพาะศีรษะบ้าง มือบ้าง เท้าบ้าง

ทั้งตัววัดและฮวงซุ้ยได้รับการดูแลโดยลูกหลานของเจ้าของที่ดินทั้ง 300-500 คนนั้น

 

ด้วยเหตุนี้จึงสามารถรักษาที่ดินผืนนี้ไว้ได้ เพราะที่ดินในเกาะฮ่องกงแพงมาก ประชาชนส่วนใหญ่อยู่คอนโดฯ และอพาร์ตเมนต์ ไม่ค่อยมีบ้านเดี่ยว

บางที่เราเห็นบ้านเดียว เป็น 2-3 ชั้น ปรากฏว่า เขาให้เช่าครอบครัวละชั้น

การเริ่มต้นของพุทธศาสนาในฮ่องกงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ตอนนี้ จีนเข้ามามีกลไกในการบริหารฮ่องกง อยู่ในช่วง 20 ปีแรกของ 50 ปี ที่จะค่อยๆ ปรับให้ฮ่องกงกลืนกับการปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่

เรื่องความพยายามในการแนะนำเถรวาทเข้าไปในเกาะฮ่องกงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งเรื่องการสร้างวัด การสร้างคณะสงฆ์ทั้งฝ่ายภิกษุและภิกษุณีสงฆ์

แต่เมื่อมีความพยายามในทางที่ดีก็ควรช่วยสนับสนุนไปตามกำลัง

สิ้นปี 2560 นี้ จึงเป็นการทำบุญโดยการบวชสามเณรีที่ฮ่องกง 5 รูป และให้ศีล 8 แก่อุบาสิกาชาวจีน 8 คน ขอให้สมาชิกที่อ่านคอลัมน์นี้ ได้โมทนาด้วยกัน

และสวัสดีปีใหม่ 2561 ค่ะ