สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

สะเทินน้ำ สะเทินบก

 

นามของ”สุทิน คลังแสง”ในกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน น่าสนใจ

น่าสนใจ ตั้งแต่เมื่อครั้งแรก ที่ นายสุทิน ถูกเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งส่วนใหญ่เทนำหนักไปในทางไม่เชื่อ

แต่ที่สุดนายสุทิน ก็แหกขนบเข้ามานั่งในตำแหน่งนี้ ได้อย่างเหนือความคาดหมาย

กระนั้นถึงจะเหนือความคาดหมายอย่างไร คนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าการที่นายสุทินได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น

มิได้เพราะ”คุณสมบัติอันเหมาะสม”เท่าใดนัก

หากแต่อยู่ในฐานะ”ตัวแทน”ของอำนาจที่ทอดเงาอยู่ข้างหลังมากกว่า

เป็นประหนึ่ง”เบี้ย”ที่ฝ่ายการเมืองและฝ่ายทหารที่ต่อเชื่อมไปถึงพลังอำนาจเก่าหรือปีกอนุรักษ์ ใช้ต่อรองกันบนกระดาน

ซึ่งที่ผ่านมา ก็อยู่ในภาวะ”เป็นกลางๆ”

กล่าวคือ ฝ่ายการเมืองไม่ได้ใช้นายสุทิน เข้าไปรุกไล่กองทัพมากนัก

เช่นเดียวกันฝ่ายกองทัพก็ไม่ได้รู้สึกถึงการเข้ามาแทรกแซงผ่านรัฐมนตรีว่ากาากระทรวงกลาโหม สักเท่าไหร่

ตรงกันข้ามในหลายๆเรื่องก็สามารถใช้ภาวะกลางๆของนายสุทินเป็นประโยชน์ในสิ่งที่กองทัพต้องการ

นายสุทิน จึงอยู่ในสถานะ”สะเทินน้ำสะเทินบก” ไปได้ในทุกสภาวะที่ฝ่ายการเมืองและฝ่ายกองทัพ ต้องการ

แต่กระนั้นเมื่อถึงเวลาที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนทางการเมือง โดยการปรับคณะรัฐมนตรี ชื่อของนายสุทินก็มีภาวะสั่นไหว

โดยถูกขานเป็นชื่อแรกๆว่าจะเป็นรัฐมนตรีที่ถูกปรับออก

ถูกปรับออก ด้วยฝ่ายที่กุมอำนาจบริหารเอง อาจรู้สึกว่า ภาวะสะเทินน้ำสะเทินบก ของนายสุทิน มิได้ตอบโจทย์งานทางด้านความมั่นคงเท่าใดนัก

จะเห็นได้จากเรื่องความมั่นคงหลายเรื่องเช่นปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา นายสุทินแทบจะกลายเป็นคนนอก และเรื่องความมั่นคงหลายๆเรื่อง นายกรัฐมนตรีก็สื่อสารโดยตรงกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยไม่ได้ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นี่จึงกลายเป็นกระแสข่าวว่านายสุทิน จะต้องกลับไปทำงานสภา เพื่อเปิดทางให้ นายกรัฐมนตรี นั่งควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อีกตำแหน่งหนึ่ง เพื่อกระชับ งานด้านความมั่นคง

ซึ่งตอนแรกก็มีแนวโน้มเป็นเช่นนั้น

แต่พลันที่ที่มีข้อเสนอโดยอ้างอิงถึง”ดีลลับ” ให้อัพเกรด พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ จากเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโหม

ฝ่ายที่กุมอำนาจอย่างแท้จริงในเพื่อไทย ก็คงต้องเริ่มคิด

ด้วยเพราะ พล.อ.ณัฐพล มีดีเอ็นเอของฝ่ายอำนาจเก่า โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่เต็มตัว

ซึ่งแม้ว่านายเศรษฐา ทวีสิน จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโหม

แต่ด้วยภาระอันมากมายมหาศาลในฐานะนายกฯ คงไม่ค่อยมีเวลาบริหารงานในกระทรวงมากนัก

จึงประเมินได้ไม่ยากว่า บทบาทที่แท้จริงย่อมต้องอยู่ในมือของพล.อ.ณัฐพล โดยเบ็ดเสร็จ

ซึ่งฝ่ายที่กุมอำนาจในเพื่อไทย คงไม่สบายใจนักกับสภาพดังกล่าว

และเริ่มมีกระแสต่อต้านพล.อ.ณัฐพล โดยอ้างถึงความไม่สบายใจของ”คนเสื้อแดง” ที่เคยมีความขัดแย้งรุนแรงกับกลุ่มอำนาจเก่า

สะท้อนว่าเส้นทางของพล.อ.ณัฐพล น่าจะไม่ราบรื่น

ขณะที่นายสุทินก็ใช้ความเชี่ยวชาญการเมืองเปิด”คลังแสง”กรณีแก้พ.ร.บ.กลาโหมสกัดทหารปฏิวัติ

ทำให้ราศีประชาธิปไตยจับ

ส่งผลให้ ชื่อของ “สุทิน คลังแสง” สะเทินน้ำ สะเทินบก กลับมามั่นคงในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อย่างเหนือความคาดหมายอีกครั้ง

———–