ผ่าคดี-จับแหม่มฝรั่งเศส วางแผนอุ้ม 7 ขวบลูกไฮโซ เตรียมเรียกค่าไถ่ 200 ล้าน โต้ลั่นอ้างปมทวงเงินลงทุน

อาชญากรรม | อาชญา ข่าวสด

 

ผ่าคดี-จับแหม่มฝรั่งเศส

วางแผนอุ้ม 7 ขวบลูกไฮโซ

เตรียมเรียกค่าไถ่ 200 ล้าน

โต้ลั่นอ้างปมทวงเงินลงทุน

 

ปฏิบัติการบุกจับกุมแหม่มชาวเมืองน้ำหอม ของชุดสืบสวนตำรวจนครบาลเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นข่าวที่ได้รับความสนใจจากคนในสังคมไม่น้อย

เพราะคนร้ายเลือกลงมือกับเด็กหญิงวัยเพียง 7 ขวบ ลูกสาวไฮโซนักธุรกิจคนดัง มีทรัพย์สินระดับพันล้าน

ยอดเงินที่คาดว่าจะเรียกจากเหยื่อก็สูงถึง 200 ล้านบาท

ส่วนหนึ่งของหลักฐานแช็ต

นาทีจับแหม่มเมืองน้ำหอม

กลางดึกวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่สืบนครบาล เข้าจับกุมตัว น.ส.แซนดร้า คริสตินา มารี ดิเออร์สไตน์ อายุ 45 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 364/2567 ลงวันที่ 5 เมษายน 2567 ข้อหา “ทำการเป็นอั้งยี่” ที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง สีลมซอย 3 แขวงสีลม เขตบางรัก จ.กรุงเทพมหานคร

ปฏิบัติการบุกจับกุมตัวในครั้งนี้สืบเนื่องจาก ไฮโซสาวคนดัง น.ส.อิสรีย์ หรือซันนี่ สุวรรณวิทย์ ผู้บริหารบริษัทไนทส์บริดส์ บลัดสต๊อก (Knights bridge Bloodstock) ผู้เพาะพันธุ์ม้าแข่งสายเลือดออสเตรเลีย และบริษัทเค เอกซ์ ซี โอ (KXCO) บริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชน เข้าแจ้งความตำรวจ สน.ทองหล่อ ว่า ถูกแก๊งคนร้ายชาวต่างชาติวางแผนปล้นและลักพาตัวลูกสาวลูกสาววัย 7 ขวบ เพื่อต้องการทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท

นายนิโคลัส แทน หง ซิน ผู้ต้องหาชามมาเลย์

แต่เรื่องแดงขึ้นมาก่อน เพราะหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการกลับใจ ส่งข่าวให้ผู้เสียหายเพื่อยับยั้งแผนการนี้ พร้อมส่งข้อความที่พูดคุยวางแผนลักพาตัวลูกสาวผู้เสียหายในเทเลแกรมเป็นหลักฐานสำคัญ

หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ รีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบตามลำดับ

ก่อนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ให้ตำรวจ สน.ทองหล่อ สอบปากคำผู้เสียหายพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ น.ส.แซนดร้า หัวหน้าแก๊งเพียงคนเดียวก่อน ข้อหาทำการเป็นอั้งยี่ เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาอยู่ในขั้นตอนการวางแผนยังไม่ได้ก่อเหตุ

ในส่วนของการติดตามจับกุมตัว พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการเร่งสืบสวนหาตัว น.ส.แซนดร้า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ไปตามที่พักที่เจ้าตัวลงแจ้งไว้ขณะเข้าเมืองไทยปรากฏว่าไม่พบตัว

นายเจค อดัม เซลเซอร์ ผู้ต้องหาชาวอเมริกัน

ชุดสืบสวนหาข้อมูลพบว่าแหม่มเมืองน้ำหอมรายนี้กบดานอยู่กับหนุ่มชาวเลบานอน ใช้วิธีการตระเวนเช่าโรงแรมเป็นแบบรายวันไปเรื่อยๆ เพื่อรวมตัวนัดหมายทีมงานก่อเหตุ

จนกระทั่งสืบทราบว่าได้เข้าพักที่โรงแรมในย่านสีลม จึงนำกำลังบุกไปที่ห้องพักในโรงแรมดังกล่าว

ระหว่างการจับกุม ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ จนผู้ต้องหายอมทำตามขั้นตอนการจับกุมดังกล่าว พร้อมขอใช้สิทธิ์โทร.หาทนายความ ซึ่งชุดจับกุมก็อนุญาตให้ดำเนินการได้ แต่เจ้าตัวยังพยายามถ่วงเวลา

กระทั่ง พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. สั่งด้วยเสียงเฉียบขาดให้ดำเนินการจับกุมตามขั้นตอนกฎหมาย เจ้าตัวจึงยอมทำตามแต่โดยดี

จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.แซนดร้าให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ตนเองเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง แต่ถูกหลอกให้ลงทุนกับชายชาวออสเตรเลียที่เป็นสามีของ น.ส.อิสรีย์ โดยได้ลงทุนไปราว 185 ล้านบาท แล้วโดนโกง

ส่วนที่ถูกแจ้งความจับในครั้งนี้ เจ้าตัวอ้างว่าเป็นแผนการของกลุ่มชาวออสเตรเลียที่โกงเงินไป ได้ไปแจ้งความใส่ร้ายตนว่าจะกระทำการลักพาตัวลูกสาวของ น.ส.อิสรีย์ มาเรียกค่าไถ่ 200 ล้านบาท เพื่อหวังให้ตนติดคุกจะได้เป็นการล้างหนี้ไปในตัว

ส่วนที่ตนเข้าประเทศไทยมาโดยไม่แจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่นั้นเพราะตนเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

ขณะที่ชายที่ตนพักอาศัยด้วยนั้นเป็นชาวเลบานอนที่ไปเจอกันที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย

เบื้องต้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

น.ส.แซนดร้า คริสตินา มารี ดิเออร์สไตน์

อีก 2 รายเผ่นออกนอกประเทศแล้ว

ความคืบหน้า วันที่ 20 เมษายน ที่ สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า น.ส.แซนดร้ายังยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยให้การว่ารู้จักกันกับผู้เสียหาย ทำธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินบัญชีและกฎหมายร่วมกัน แล้วธุรกิจเสียหายจึงต้องการเงินของตัวเองที่ร่วมลงทุนไปคืน จึงเดินทางมาทวงเงิน ไม่เคยคิดวางแผนลักพาตัวเรียกค่าไถ่แต่อย่างใด

ผกก.สน.ทองหล่อ เผยต่อมา ภายหลังสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาดังกล่าวได้นำหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 75,000 บาท มาวาง เพื่อยื่นขอประกันตัว พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาไม่มีเหตุอันควรหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐาน จึงอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาชั่วคราวตามหลักทรัพย์ดังกล่าว และได้ทำการปล่อยตัวผู้ต้องหาไปชั่วคราว ก่อนที่จะนัดทำการสอบสวนปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในวันนี้ ทั้งนี้ คาดว่าใช้เวลาสรุปสำนวนการสอบสวนประมาณ 1 เดือน จึงแล้วเสร็จ

น.ส.แซนดร้า คริสตินา มารี ดิเออร์สไตน์ พยายามถ่วงเวลา
ตำรวจแสดงหมายจับ

ขณะที่แหล่งข่าวเผยว่า คดีนี้ยังมีคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุอีก 2 ราย ที่ศาลอาญาพิจารณาอนุมัติออกหมายจับแล้ว

คือ นายเจค อดัม เซลเซอร์ อายุ 28 ปี เป็นชาวสหรัฐอเมริกา ผู้ต้องหาตามหมายจับ จ.363 /2567 ลงวันที่ 5 เมษายน 2567 ในข้อหา “ทำการเป็นอั้งยี่”

และนายนิโคลัส แทน หง ซิน อายุ 25 ปี ชาวมาเลเซีย ผู้ต้องหาตามหมายจับ จ.365/2567 ลงวันที่ 5 เมษายน 2567 ในข้อหา “ทำการเป็นอั้งยี่” เช่นกัน ซึ่งจากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลว่านายนิโคลัสเพิ่งเดินทางออกนอกประเทศไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 16 เมษายน ส่วนนายเจคมีข้อมูลว่าเดินทางออกไปตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2566 โดยยังไม่พบข้อมูลว่ากลับเข้ามาเมืองไทยอีกหรือไม่

ส่วนพฤติการณ์ผู้ต้องหาทั้งสามคน ชุดสืบสวนพบว่าร่วมกันตั้งกลุ่มในแอพพลิเคชั่นเทเลแกรม ใช้ชื่อว่า ไพรเวท กรุ๊ป (Private group) โดยมีการพูดคุยวัตถุประสงค์ เพื่อลักทรัพย์ ลักพาตัว ลูกสาวผู้เสียหาย โดยการแบ่งหน้าที่กันทำคือ นายเจคเป็นผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นเทเลแกรม ใช้ชื่อว่า เจค เซลเซอร์ เป็นบุคคลที่ผู้เสียหายเคยทำงานร่วมกัน ส่วน น.ส.แซนดร้า เป็นผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นเทเลแกรม ใช้ชื่อว่า แซนดร้า บุคคลที่ผู้เสียหายเคยทำงานร่วมกัน ส่วนนายนิโคลัส เป็นลูกจ้างของบริษัทของผู้เสียหาย

การตั้งกลุ่มมาเพื่อเป็นการกระทำผิดกฎหมาย เกี่ยวกับการทวงเงินจากผู้เสียหาย และมี น.ส.แซนดร้าเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุตรสาวเหยื่อ จากนั้น นายเจคจะนำข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย ที่อยู่ และข้อมูลบุตรสาว ตั้งแต่ที่อยู่ห้องชุด สถานที่โรงเรียน ส่งเข้าไปในกลุ่ม ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้ข้อมูลการแชตดังกล่าวเป็นหลักฐานในการเอาผิดแก๊งคนร้ายแก๊งนี้ด้วย

การจับกุมในครั้งนี้นับเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เพราะแนวทางสืบสวนตำรวจเชื่อว่าแหม่มเมืองน้ำหอมกับพวก ตระเตรียมวางแผนที่จะก่อเหตุลักพาตัวเด็กหญิงเพื่อเรียกเงินค่าไถ่ 200 ล้านบาทจริง

แต่การเตรียมการวางแผนดังกล่าวถึงขั้นเป็นความผิดตามกฎหมายหรือยัง ต้องยกให้เป็นดุลพินิจของศาลที่จะเป็นคนตัดสิน