จดหมาย

จดหมาย | ประจำวันที่ 5-11 เมษายน 2567

 

• คุณหมอครับ “ผมนอนไม่ค่อยจะหลับ”

เห็นจะพูดได้ไม่กี่คำในยุคของ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ในยุคนี้

คือ ทุกข์หนัก ทุกข์ซ้ำ ทุกข์ซ้อน

การเมือง เศรษฐกิจ สังคมที่ไม่ได้เรื่อง

นอกจากจะทำให้ผู้คนต้องเดือดร้อนทุกข์ยากในการทำมาหากินกันแล้ว

ยังโยงไปสู่สภาพของจิตใจ ให้เกิดความท้อแท้ สิ้นหวังกันขึ้นมาอีก

เป็นความเครียด ความวิตกกังวล นอนไม่หลับ

ส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้า

อันจะเป็นอันตรายอีกหลายๆ อย่างของโรคทางกาย ที่จะตามกันมาอีก

 

ยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งที่เคยเจอมากับตัวเอง

ว่าก็ว่าเถอะ อีตาปิยพงศ์เองก็เคยเป็นศิษย์เก่าของโรงพยาบาลสวนปรุงเชียงใหม่ (สถาบันจิตเวช แบบศรีธัญญา กรุงเทพฯ) เมื่อปี 2543 มาแล้ว

คราวนั้นผู้มีพระคุณที่เคารพนับถือ ท่านเสียชีวิตจากไป

เล่นเอาทำใจไม่ได้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ

ความรู้ทางศาสนาที่เคยสนใจใฝ่รู้ ก็ช่วยอะไรไม่ได้

เพราะขาดการฝึกฝนอย่างจริงจัง (สมาธิ ภาวนา)

ว่าแล้วจึงห้อรถจากเมืองลำพูนเข้าเชียงใหม่ ไปปรึกษาแพทย์ทางจิตเวช ที่โรงพยาบาลสวนปรุงทันที

โรงพยาบาลสวนปรุง ซึ่งคนทั่วไปมักจะเข้าใจกันว่า เป็นโรงพยาบาลที่รักษาคนบ้า

ถึงกับมีผู้แต่งเพลงฮิตเพลงหนึ่งขึ้นมาร้องกัน คือเพลง ผีบ้าสวนปรุง

แต่ประเทศที่เจริญแล้ว การไปพบจิตแพทย์เมื่อมีอาการทางจิตถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา

เหมือนกับเป็นอาการป่วยทางกายอย่างหนึ่งนั่นเอง

และเมื่อแพทย์ทราบสาเหตุแล้ว ก็จัดยามาให้กิน

จากนั้นก็เหินห่างจากสวนปรุงไปนับสิบๆ ปี

แต่แล้วก็มีเหตุให้ต้องกลับคืนสู่เหย้ากันอีกครั้งหนึ่ง

 

เมื่อปีเศษๆ มานี้เอง ทั้งๆ ที่ร่างกายก็ปกติ โรคประจำตัวอะไรก็ไม่มีสักอย่าง

ออกกำลังกายเช้าเย็นไม่เคยขาด

อบายมุขไม่แตะต้อง

อารมณ์ขันเหลือเฟือ

เขียนหนังสือได้ตามปกติ

แต่มาผิดปกติ ก็ตอนเข้านอนตอนกลางคืน

นอนได้ราวสามสี่ชั่วโมง พอลุกเข้าห้องน้ำ กลับมานอน ตาแข็งนอนไม่หลับไปเลย

แล้วก็มาทราบว่า เป็นโรคของคนสูงอายุ สารเคมีบางอย่างในสมองมันลดน้อยถอยลง

จึงเกิดอาการดังกล่าวขึ้น

 

ครับ…สวนปรุงตอนหลังๆ นี้เปลี่ยนตึกที่ทำการด้านหน้า มาเป็นตึกเหลืองหลังใหม่

บริการคนไข้สุดยอด ทั้งหมอ พยาบาล และพนักงานแผนกต่างๆ

แล้วก็เห็นอกเห็นใจคนไทยกันจริงๆ มาใช้บริการ วันจันทร์ถึงศุกร์ มีประมาณวันละ 300 ถึง 400 คน ทุกวัน

แพทย์ พยาบาล พนักงานต้องทำงานกันอย่างหนัก และคนไข้ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ นี่แหละ

ซึ่งสอบถามดู สาเหตุใหญ่ก็มาจากเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ที่วุ่นวายกันนี่เอง

กดดันให้ต้องมาเป็นคนป่วยของสวนปรุง

 

ร่ายยาวมาเสียเป็นวรรคเป็นเวร

ไม่มีอะไรหรอกครับ บริการจากสวนปรุงกับคนไข้ดีหมดทุกอย่าง

แต่ขอเพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่งเถอะ พ่อคุณเอ๋ย

ยารักษาที่เคยจ่ายให้กับคนไข้ (ที่ต้องใช้ประจำ) ที่เคยจ่ายแต่ละคราวนานถึง 6 เดือน

แต่ตอนนี้ลดเหลือเพียง 3 เดือน

สอบถามคุณหมอดู ทราบที่มาที่ไปว่าหน้าฝนบางปี น้ำปิงล้นฝั่ง เข้าท่วมเชียงใหม่ บางที่บางแห่งนานสองสามวัน ทำให้ยาที่หมอให้กับคนไข้ไปเกิดชื้น

เลยลดจ่ายยาจากคราวละ 6 เดือน เหลือเพียง 3 เดือน

หมดแล้วค่อยมาเอาใหม่

ขอ 6 เดือน เหมือนเดิมนะหมอนะ สงสารคนไข้เถอะ

ส่วนใหญ่ยากจนและอยู่ห่างไกล มาโรงพยาบาลแต่ละครั้งแต่ละคราว ก็ลำบากและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก

และต้องรอคอยการตรวจรักษาและรับยากันครึ่งค่อนวัน

วิธีการเก็บรักษาไม่ให้ชื้น บอกกล่าวกับคนไข้กันได้ มีวิธีป้องกันร้อยแปดพันวิธี ไม่ใช่แก้ด้วยการลดยา

แก้กันแบบนี้ ง่ายไปหน่อยไหมคุณหมอ

เอ้า ฝากถึงปี้อ้าย ชลน่าน ศรีแก้ว เจ้าของกระทรวงหน่อย

พักหลังเห็นหน้าตาเคร่งเครียดเหมียนกันนิ

ได้ข่าวว่าปี้อ้ายก็พึ่งยาแก้เครียดเป็นกำๆ เหมียนกัน แม่นก่อ (ฮา)

จ้วยแห๋มแฮง เน้อปี้อ้ายเน้อ

ปิยพงศ์ เมืองหละปูน

ปล. รูปเก่าเล่าเรื่อง

“ชายผู้นี้มีโลกเป็นของตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร เห็นโลกน่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ

ดารานำแสดง : ขุนศึกตระกูลหยาง สหายรักของ อีตา ปิยพงศ์

โลเกชั่น : แยกไฟแดง สะพานผ่านฟ้าลีลาศ

ตากล้อง : อีตาปิยพงศ์ (เมืองหละปูน) เจ้าเก่า

 

ตอนนี้ที่เหนือ

ทั้งร้อน

ทั้งเผชิญปัญหาฝุ่น

กระทบทั้งปัญหากายและใจ

ปี้ปิยพงศ์ และพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศ

พึงระมัดระวัง

จะได้ไม่ต้องไปพึ่งโรงพยาบาลจิตเวชเพิ่มขึ้นอีก

ส่วนข้อเสนอ “รับยา” ที่ปี้ปิยพงศ์สะท้อน

ผู้รับผิดชอบลองพิจารณาดูเน้อ

เผื่อจะได้ม่วนอกม่วนใจ นอนหลับได้ดีขึ้น ครับคุณหมอ •