รัฐบาลคิกออฟ ‘กาสิโน’ เมกะโปรเจ็กต์แสนล้าน ‘โอกาส’ ในความเสี่ยง

Entertainment Complex อาจกลายเป็นนโยบาย “ติดจรวด” ของรัฐบาลอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ หลังสภาผู้แทนราษฎรมีมติอนุมัติรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ หนึ่งในนั้นคือมีโครงการ “กาสิโน” ถูกกฎหมายรวมอยู่

โดยเห็นชอบกับรายงาน 253 ต่อ 0 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 2 เสียง

“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง คาดการณ์ว่าจะมีการเสนอรายงานศึกษาผลกระทบการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 2 สัปดาห์นี้

ท่ามกลางแรงหนุน แรงต้านของสังคม เรื่อง “กาสิโน” ถูกกฎหมาย

จุลพันธ์ย้ำว่า “ในหลักการ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คงไม่ได้หมายถึงเปิดกาสิโนเพียงอย่างเดียว คงไม่ใช่เป็นการเปิดตึก หรือห้องแถวแล้วมีการพนันเช่นนั้น อย่างประเทศสิงคโปร์ มีการลงทุนเป็นหลัก 2-3 แสนล้านบาท และช่วง 15 ปีช่วยลดการพนันผิดกฎหมายจาก 2% เหลือ 0.2% ของจีดีพี สร้างรายได้เข้ารัฐกว่า 3 แสนล้านบาทในช่วง 10 ปี”

 

ทั้งนี้ โมเดลของ Entertainment Complex ที่มีการศึกษาจะประกอบด้วย 1. ห้างสรรพสินค้าครบวงจร 2. โรงแรมระดับ 5 ดาว 3. ร้านอาหารและบาร์ 4. ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ 5. ศูนย์สุขภาพครบวงจร 6. สนามกีฬา 7. ยอชต์และครูซซิ่งคลับ 8. สถานที่เล่นเกม 9. สระว่ายน้ำและสวนน้ำ 10. สวนสนุก 11. พื้นที่สําหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP 12. กิจการอื่นๆ ร่วมกับกาสิโน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่และเพิ่มเติมรายได้เข้าประเทศ

มีการพิจารณาความเหมาะสมของสถานที่ตั้งกาสิโน 2 scenario

1. หากมองในแง่การส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศด้วยการหารายได้เข้ารัฐ พื้นที่ที่เหมาะสมอาจจะเป็นในเขตกรุงเทพมหานครและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ต่างๆ เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)

2. หากมุ่งไปที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ควรจะเป็นพื้นที่ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลัก หรือพื้นที่ในต่างจังหวัด

ซึ่งพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างสถานบันเทิงแบบครบวงจร ได้แก่ พื้นที่ที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตรจากสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใกล้เคียงใน 17 จังหวัดของภาคกลางและภาคตะวันออก รวมถึงพื้นที่ของจังหวัดที่เป็นท่องเที่ยวหลัก จํานวน 22 จังหวัด

โดยเป้าหมายของกาสิโนจะสร้างรายได้เข้ารัฐมาจาก 3 ส่วน

1. ใบอนุญาต อาจให้มีใบอนุญาตในหลายๆ ประเภท แบ่งตามมูลค่าการลงทุน ได้แก่ size S, M, L และ XL ตามลําดับ อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกใบอนุญาตควรมีประเภทเดียว ได้แก่ ใบอนุญาต size XL (มูลค่าการลงทุนขั้นต่ำ 100,000 ล้านบาท) การให้ใบอนุญาต size อื่นๆ จะมีการพิจารณาเป็นลําดับถัดไป

2. การจัดเก็บภาษี ควรจะมีการตั้ง “ภาษีกาสิโน” โดยเฉพาะโดยคิดจากรายได้ขั้นต้นจากการเล่นพนัน (Gross Gaming Revenue: GGR) กล่าวคือ รายได้หลังการหักค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ผู้ประกอบการได้จากผู้เล่นที่วางเดิมพัน ซึ่งหากพิจารณาเปรียบเทียบกับต่างประเทศ เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เก็บภาษีกาสิโนที่อัตราร้อยละ 10 ของ GGR ประเทศสิงคโปร์มีการเก็บ ที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 17 ของ GGR และมาเก๊า มีอัตราการเก็บที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 35 ของ GGR เป็นต้น

สําหรับประเทศไทยรัฐอาจจะเก็บอัตราภาษีเฉลี่ยในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ 17 แต่ทั้งนี้อํานาจในการกําหนดอัตราภาษีดังกล่าวควรอยู่ที่คณะกรรมการจะเป็นผู้กําหนด

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรจะมุ่งเป้าหมายรายได้หลักต้องมาจากธุรกิจกาสิโน เพื่อให้ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรมีความอย่างยั่งยืน และสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ๆ จึงควรกําหนดอัตราส่วนพื้นที่ธุรกิจกาสิโนต่อพื้นที่ธุรกิจอื่นๆ อย่างเหมาะสม

 

มีข้อเสนอต่อนโยบายภาษีสรรพากรและการจัดเก็บรายได้จากธุรกิจ Entertainment Complex ของประเทศไทย โดยเทียบเคียงจากกฎหมายของต่างประเทศ ดังนี้

1. ด้านผู้เล่นควรได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

2. ด้านผู้ประกอบการ (ผู้รับสัมปทาน) กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล อาจจะเก็บภาษีโดยใช้ฐานภาษี Gross Gaming Revenue : GGR

ตัวอย่างเช่น (1) รายรับรวมจากการเล่นเกม (GGR) 0 – 20 ล้านบาท อัตราภาษีร้อยละ 20

(2) รายรับรวมจากการเล่นเกม (GGR) มากกว่า 20 ล้านบาท – 40 ล้านบาท อัตราภาษีร้อยละ 25

(3) รายรับรวมจากการเล่นเกม (GGR) 40 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีร้อยละ 30

ภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการ (ผู้รับสัมปทาน) จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษี จากกรณีรายได้จากการพนัน เนื่องจากเพื่อให้กลไกภาษีมูลค่าเพิ่มมีความต่อเนื่องและรายได้จากการพนัน ตามฐานภาษีเงินได้นิติบุคคลข้างต้น ไม่สามารถหามูลค่าเพิ่มได้อย่างชัดเจน จึงให้มีการยกเว้นมูลค่าฐานภาษี

3. ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนั้น รัฐบาลอาจกําหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแบบเฉพาะเจาะจง (Fixed License Fee) โดยค่าธรรมเนียมอาจขึ้นอยู่กับแต่ละ Zoning ทั้งนี้ ควรมีการเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อจํากัดผู้ลงทุน รวมถึงเป็นการเก็บภาษีรายได้เข้ารัฐ

รวมถึงให้มีค่าธรรมเนียมการเข้าใช้บริการ เพื่อเป็นการป้องกันผู้มีสัญชาติไทยที่เป็นกลุ่มเปราะบางเข้าใช้บริการ ควรมีการเก็บภาษีการเข้าใช้บริการ โดยเก็บในอัตราที่เหมาะสมกับฐานรายได้ของคนไทย โดยตัวอย่างอัตราการเก็บในประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศสิงคโปร์จัดเก็บที่อัตรา 4,500 บาทต่อวัน ประเทศญี่ปุ่นจัดเก็บที่อัตรา 1,300 บาทต่อวัน เป็นต้น

มีการคาดการณ์จํานวนลูกค้ากาสิโนขั้นต่ำจะอยู่ที่ร้อยละ 10 ของจํานวนผู้ที่อยู่ในประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ.2565 โดยคิดเป็นลูกค้ากาสิโนทั้งสิ้น 4.8 ล้านคน ประกอบด้วยลูกค้าชาวต่างชาติทั้งสิ้น 1.1 ล้านคน และลูกค้าชาวไทย 3.7 ล้านคน ทั้งนี้ หากประมาณการรายได้ของกิจการกาสิโนเฉพาะรูปแบบ Onsite

โดยตั้งสมมุติฐานจากจํานวนลูกค้ากาสิโนขั้นต่ำร้อยละ 10 ดังกล่าว โดยอ้างอิงสถิติรายได้ของกาสิโนจากประเทศกัมพูชา ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยขั้นต่ำต่อหัวประมาณ 73 เหรียญ (เหตุที่ใช้ข้อมูลสถิติของ กาสิโนในกัมพูชา เนื่องจากมีการรายงานว่าร้อยละ 95 ของลูกค้ากาสิโนในกัมพูชาเป็นชาวไทย) ดังนั้น จะสามารถประมาณการรายได้ ดังนี้

รายได้จากชาวต่างชาติประมาณ 2,810.5 ล้านบาท รายได้จากชาวไทยประมาณ 9,453.5 ล้านบาท รวมรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 12,264 ล้านบาท

 

สําหรับผลกระทบเชิงลบ คณะกรรมาธิการสรุปผลการศึกษาว่า อาทิ ก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคม หากรัฐไม่มีมาตรการควบคุมสถานกาสิโนอย่างเข้มงวดและโปร่งใส เช่น สังคมเสื่อมศีลธรรม ปัญหาฉ้อโกง ปล้น ลักทรัพย์ การก่ออาชญากรรม ตลอดจนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทําให้เกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว

เป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจที่ผิดกฎหมาย การค้ายาเสพติด การค้าโสเภณีข้ามชาติ และการค้าสินค้าหนีภาษี สร้างนิสัยเกียจคร้านให้กับผู้เล่น ไม่สนใจประกอบอาชีพสุจริต คนที่เล่นได้ ทําให้มีเงินใช้สอยฟุ่มเฟือย เป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดในหมู่ประชาชน

อาจเป็นช่องทางให้เกิดการดึงดูดแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง ทั้งผิดกฎหมายและถูกกฎหมายได้ง่าย จนอาจเกิดกระบวนการแสวงหาประโยชน์ทั้งในประเด็นเรื่องแรงงาน และทางเพศ (ทั้งคนไทยและต่างชาติ) ที่นําไปสู่การค้ามนุษย์ได้

แม้กาสิโน – Entertainment Complex จะสร้างรายได้ให้รัฐปีละ 1.2 หมื่นล้าน แต่ถ้ารัฐไม่มีกลไกลดผลกระทบจากการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย จากโอกาส ก็กลายเป็นความเสี่ยงของประเทศไทย