เหตุแห่งการหายไป ของเจ้าหญิงแคทเธอรีน

การหายตัวไปของเจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งเวลส์ พระชายาของเจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทแห่งราชวงศ์อังกฤษ หลังทรงเข้ารับการผ่าตัดช่องท้อง เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้สร้างความสงสัยเคลือบแคลงใจว่า พระองค์หายไปไหน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหญิงเคท

จนกระทั่งพระราชวังเคนซิงตัน เผยแพร่พระรูปที่เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงถ่ายร่วมกับเจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์ พระโอรสและพระธิดาทั้ง 3 ของพระองค์ เนื่องในวันแม่ของสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ถือเป็นรูปแรกของเจ้าหญิงเคทที่เผยแพร่สู่สาธารณะ นับตั้งแต่ทรงเข้ารับการผ่าตัด

แต่พระรูปดังกล่าว ก็กลายเป็นกระแสขึ้นมา หลังจากที่บรรดาสื่อยักษ์ใหญ่โลก พากันลบพระรูปดังกล่าวออก เนื่องจากมีความกังวลว่า อาจจะมีการปรับแต่งภาพเกิดขึ้น ซึ่งขัดต่อมาตรฐานของสื่อมวลชน

จนเจ้าหญิงเคทต้องมายอมรับในเวลาต่อมาว่า พระรูปดังกล่าว ผ่านการตัดแต่งจริง โดยระบุว่า “เฉกเช่นเดียวกับช่างภาพสมัครเล่นคนอื่นๆ ฉันทดลองตัดต่อภาพเป็นครั้งคราว ฉันอยากจะขอโทษต่อความสับสนใดๆ ที่เกิดขึ้นกับภาพครอบครัวที่เราได้แชร์ไปเมื่อวานนี้ ฉันหวังว่าทุกคนจะมีความสุขมากๆ กับการฉลองวันแม่ ซี” โดยซีเป็นอักษรย่อของ “แคทเธอรีน”

การออกมายอมรับเรื่องการตกแต่งพระรูป ยิ่งสร้างความสงสัยให้เกิดขึ้นแก่สังคมว่า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหญิงเคท เหตุใดจึงถึงกับต้องตกแต่งพระรูป

 

ท่ามกลางความเคลือบแคลงใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าหญิงเคท บีบีซีก็มีรายงานว่าเจ้าหญิงเคทได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะ พร้อมเจ้าชายวิลเลียม แห่งเวลส์ พระสวามีของพระองค์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม โดยทั้งสองพระองค์ประทับบนรถยนต์พระที่นั่งออกจากพระราชวังวินด์เซอร์

ซึ่งสำนักพระราชวังเคนซิงตันระบุว่า เจ้าชายวิลเลียมเสด็จไปเข้าร่วมงานวันเครือจักรภพที่เวสต์มินสเตอร์ แอบบีย์พร้อมกับพระราชินีคามิลลา อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงเคทไม่ได้เข้าร่วมพิธีดังกล่าวด้วย แต่เข้าใจว่าพระองค์เสด็จไปทำธุระส่วนพระองค์

นั่นหมายความว่า เจ้าหญิงเคทก็ยังไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชน

จนกระทั่งเดอะซัน สื่อของอังกฤษ ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ขณะที่เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงเคท เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ จับจ่ายซื้อของบริเวณร้านวินด์เซอร์ ฟาร์ม ช็อป ที่อยู่ใกล้กับพระตำหนักที่ครอบครัวเจ้าชายวิลเลียมประทับ ในพระราชวังวินด์เวอร์ เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา

ปรากฏภาพของทั้งสองพระองค์ที่มีพระพักตร์ยิ้มแย้ม และเจ้าหญิงเคทที่ดูซูบผอมลง แต่ดูมีความสุข

 

กระทั่งวันที่ 22 มีนาคม ทุกอย่างก็กระจ่าง เมื่อเจ้าหญิงเคทเผยแพร่วิดีโอการเปิดใจของพระองค์ ยอมรับว่า พระองค์ประชวรด้วยโรคมะเร็ง

โดยเจ้าหญิงเคทที่ดูไม่ผ่องใส และดูเหนื่อยล้า ตรัสว่า

หลังการผ่าตัดและมีการตรวจสอบในเวลาต่อมาจึงพบมะเร็ง ทีมแพทย์แนะนำให้เข้ารับเคมีบำบัดเชิงป้องกัน และตอนนี้พระองค์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการรักษา

“แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมาก และวิลเลียมกับฉันก็ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อดำเนินการและจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว เพื่อครอบครัวเล็กๆ ของเรา”

พร้อมกันนี้เจ้าหญิงเคทยังขอความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับอาการประชวรของพระองค์ โดยระบุว่า พระองค์กำลังใช้เวลาฟื้นตัวจากการผ่าตัดใหญ่เพื่อเริ่มการรักษา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องใช้เวลาในการอธิบายทุกอย่างให้จอร์จ ชาร์ลอตต์ และหลุยส์ เข้าใจด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพวกเขา เพื่อให้พวกเขามั่นใจว่าเธอจะไม่เป็นอะไร

“อย่างที่บอกไปแล้ว ฉันสบายดีและแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน โดยมุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่จะช่วยรักษาตัวเอง ทั้งในด้านจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ ฉันหวังว่าพวกคุณจะเข้าใจว่าในฐานะครอบครัว ตอนนี้เราต้องการเวลา พื้นที่ และความเป็นส่วนตัว ขณะที่ฉันเข้ารับการรักษาจนเสร็จสมบูรณ์” เจ้าหญิงเคทตรัส

 

การออกมาแจ้งว่า เจ้าหญิงเคทเป็นมะเร็ง กลายเป็นเรื่องสุดช็อกอีกครั้ง สำหรับสหราชอาณาจักร หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร พระบิดาของเจ้าชายวิลเลียม ทรงเปิดเผยว่า พระองค์ต้องเข้ารับการรักษาโรคมะเร็ง จนทำให้ต้องเลื่อนการปฏิบัติพระราชกรณียกิจออกไป ซึ่งเป็นการตรวจพบระหว่างการรักษาพระอาการต่อมลูกหมากโต

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับโรคะเร็งของเจ้าหญิงเคทแต่อย่างใด

ขณะที่คิงชาร์ลส์ ทรงออกมาแสดงความภูมิใจในตัวเจ้าหญิงเคท ที่กล้าหาญออกมาพูดเรื่องดังกล่าว ด้านเจ้าชายแฮร์รี่ พระอนุชาของเจ้าชายวิลเลียม และเมแกน พระชายา ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ได้ออกแถลงการณ์ ถวายพระพรให้เจ้าหญิงเคททรงมีพระพลานามัยที่ดีและทรงหายจากโรค รวมถึงส่งกำลังใจให้เจ้าหญิงเคท

ตอนนี้ เจ้าหญิงเคทอยู่ในช่วงการรักษาด้วยคีโม ซึ่งในคลิปที่พระองค์เผยแพร่ ได้ตรัสไว้ว่า งานทำให้พระองค์มีความสุขอย่างมากมาตลอด และพระองค์หวังว่าจะได้กลับมาอีกครั้งเมื่อสามารถทำได้

แต่ตอนนี้พระองค์ต้องมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูพระองค์เองอย่างเต็มที่ก่อน