แนวโน้มใหม่ ของนักท่องเที่ยวจีน

ไอแดน โจนส์ ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของ ซาธ์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ (เอสซีเอ็มพี) เขียนถึงการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้งแล้วเมื่อ 10 มีนาคมที่ผ่านมา

ทีแรกคิดว่าจะผ่านเลยไป แต่แล้วก็อดใจไว้ไม่ได้ เมื่อพบว่า เนื้อหาส่วนหนึ่งพูดถึง “การกลับมาของทัวร์ศูนย์เหรียญ” และ “แนวโน้มใหม่ของนักท่องเที่ยวจากจีน”

โจนส์พูดถึงการท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า ในแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมายที่สำคัญของชาวจีนในภูมิภาคนี้ ล้วนมีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้น เพียงแต่ ไม่ได้มากและเร็วเท่าที่คิดกันเท่านั้น

ในส่วนของไทย โจนส์ระบุว่า ทางการท่องเที่ยวไทยตั้งเป้าว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้ได้ถึง 8 ล้านคนในปีนี้ ด้วยโครงการฟรีวีซ่าแล้วก็จากราคาค่าตั๋วเครื่องบินที่ถูกลงกว่าเดิม เขาชี้ว่าในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมามากถึงวันละเกือบ 30,000 คน กระนั้นก็ยังคงต่ำกว่าระดับที่เคยเป็นเมื่อครั้งก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

โดยรวมแล้ว โจนส์ชี้ว่า รัฐบาลไทยคาดหวังว่า จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านคนในปีนี้ เพื่อทำสถิติให้สูงกว่าระดับที่เคยทำได้ก่อนหน้าโควิดระบาด และยืนยันสถานะการเป็นแชมป์การท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของไทยต่อไป ทั้งนี้เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวจากอินเดีย เกาหลีใต้ และยุโรป ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้

(Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP)

LY.com แพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ ระบุว่า ในปีนี้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทย มาเลเซียและสิงคโปร์ ในช่วงวันหยุดตรุษจีนเพิ่มมากขึ้น ยอดจองเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นมากถึง 9 เท่าตัว

การจับจ่ายใช้สอยใน 3 ประเทศรวมกันเฉพาะที่ผ่านทางระบบอาลีเพย์ในช่วงระหว่าง 9-12 กุมภาพันธ์ ก็พุ่งสูงขึ้นถึงเกือบ 7 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเทียบแล้วสูงกว่าช่วงเดียวกันก่อนหน้าโควิดระบาดถึง 7.5 เปอร์เซ็นต์

โจนส์อ้างอิงนักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซี วาณิชธนกิจชื่อดังระบุว่า ชาวจีนจะยังคงเต็มใจจับจ่ายใช้สอยเพื่อประสบการณ์ในการท่องเที่ยวต่อไป แม้ว่าจะมีปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศอยู่บ้าง ปิดท้ายด้วยการสำทับว่า คิดว่าการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวของคนจีนน่าจะแซงหน้าการบริโภคภายในประเทศด้วยซ้ำไป

ปัญหาก็คือว่า แม้จะเพิ่มขึ้น แต่บรรดาชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงรู้สึกว่า การฟื้นตัวดังกล่าวยังชะลอช้าอยู่มาก สิ่งที่ยังคงขาดหายไปอย่างชัดเจนก็คือ การท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ รวมทั้ง “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่เป็นแพ็กเกจท่องเที่ยวสำเร็จรูปที่ทำกันในเมืองจีน และก่อประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจในท้องถิ่นน้อยมาก ก็ยังไม่กลับมา

สภาพเช่นนี้ สามารถทำให้ความหวังที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาถึงระดับ 11 ล้านคนเหมือนในปี 2019 เลือนรางไป

แทนที่จะเป็นกรุ๊ปทัวร์ทำนองนั้น โจนส์ระบุว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงในปีนี้ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นนักท่องเที่ยวอิสระ, เป็นคู่รักหนุ่มสาว, เป็นอินฟลูเอนเซอร์ และครอบครัว ซึ่งมีแนวโน้มที่จะดื่มกินบรรดา “สตรีตฟู้ด” ทั้งหลาย แทนที่จะหันเข้าหาภัตตาคารแบบไฮ-เอนด์

โจนส์ระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนเผชิญปัญหาหลายๆ อย่างพร้อมๆ กันในเวลานี้ ตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวในประเทศ ปัญหาไม่มีเที่ยวบินเพียงพอเพราะสายการบินบาดเจ็บหนักจากโควิด และปัญหาความปลอดภัยที่เกิดจากโซเชียลมีเดียเป็นสำคัญ

แกรี่ บาวเออร์แมน นักวิเคราะห์การท่องเที่ยวของ Check-in Asia ย้ำว่า การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจากจีนช้ากว่าที่ประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดไว้มาก ปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้นก็จริง แต่ก็มีแนวโน้มที่แตกต่างออกไปจากเดิม เปลี่ยนไปเป็นหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิมมาก

เขายกตัวอย่างกรณีของเชียงใหม่ ที่มีบรรดานักท่องเที่ยวหนุ่มสาวพากันไปดื่มกินในร้านอาหารแบบชิค, ค็อกเทลบาร์ และแหล่งที่มีการแสดงดนตรีสด เปลี่ยนเชียงใหม่จากแหล่งท่องเที่ยวสำหรับนักแบกเป้ท่องเที่ยวให้กลายเป็นแหล่งใช้ชีวิตวันหยุดสุดสัปดาห์แบบมีสไตล์ไปเลย โดยเฉพาะคนในวัย “เจน-ซี” ที่ต้องการเชื่อมโยง สัมผัสกับสังคมในแหล่งท่องเที่ยวของตนจริงๆ จังๆ

ท็อดด์ แฮนด์ค็อก ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของคอลลินสัน กรุ๊ป ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไปใช้ “เลาจน์” ในสนามบินเพิ่มขึ้นในปีนี้มากกว่า 6 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งสิงคโปร์ ไทยและมาเลเซีย

แต่ในเวลาเดียวกัน โจนส์ระบุว่า ในไทย วิธีที่อาจจะดีที่สุดที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนให้ได้ตามเป้าก็คือการหันไปหา “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” อีกครั้ง แม้ว่าจะถูกวิจารณ์ว่าให้ผลดีแค่ตัวเลขนักท่องเที่ยวและผู้บริหารทัวร์ชาวจีน แต่ไม่ก่อประโยชน์ใดๆ กับธุรกิจในไทยเลยก็ตาม

บาวเออร์แมน เชื่อเช่นกันว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญจะกลับมา เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เจออุปสรรคเรื่องค่าตั๋วเครื่องบินแพงเข้าไปเท่านั้น “ชาติไหนที่ลดอุปสรรคให้ได้ ทัวร์เหล่านี้ก็จะกลับมามากขึ้น”

โดยเฉพาะเมื่อตัวแทนท่องเที่ยวจีนเริ่มขยายขอบเขตเข้าสู่หัวเมืองระดับสามในประเทศจีน เพื่อดึงดูดคนจีนที่ไม่เคยท่องเที่ยวมาก่อนแล้วในเวลานี้