ทางลูกรัง อันขรุขระ | สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

ทางลูกรัง อันขรุขระ

 

การไปไหว้บรรพบุรุษตระกูล”ชินวัตร” ที่เชียงใหม่ ระหว่าง 14-16 มีนาคม ของนายทักษิณ ชินวัตร นั้น

ยังไม่ทราบว่า บรรยากาศในท่ามกลางญาติมิตรและถิ่นกำเนิด

จะกระตุ้นความรู้สึก นายทักษิณและคนตระกูลชินวัตร ให้โหยหา “ความพร้อมหน้าพร้อมตา”ของญาติมิตร โดยเฉพาะอยากให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาสู่อ้อมกอดครอบครัว อย่างไร

หากมีแรงกระตุ้นมากๆ ก็อาจเป็นเงื่อนไขสำคัญหนึ่งที่จะมีการเร่มเกมให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับบ้านเร็วขึ้น

เร็วขึ้นอย่างไร

จะใช้ช่องทางไหน

เป็นสิ่งที่สังคมกำลังจับตามองอย่างสนใจใคร่รู้

มีการสันนิษฐานไปในแนวทางต่างๆนานา

ทั้งอิงกับข้อเท็จจริง

และทั้งที่มากด้วย”จินตนาการ” หลากหลายจริงๆ

แต่ ที่ดูหลายฝ่ายจะเห็นสอดคล้องกัน นั่นก็คือ พาหนะ และเส้นทางที่จะนำพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับบ้าน

ไม่ใช่ รถไฟฟ้าความเร็วสูง และถนนคอนกรีตอันราบเรียบแน่ๆ

ตรงกันข้าม น่าจะเป็น”ถนนลูกรัง”

ถนนลูกรังอันเต็มไปด้วยฝุ่น และหลุมบ่อ มากกว่า

ดังนั้นถนนจึงขมุกขมัวและมีโอกาสที่จะเกิด”อุบัติเหตุ”ได้ตลอดทาง

นี่ จึงเป็น”การบ้าน” ที่ นายทักษิณ ต้องหาทางออกให้ดี และระมัดระวัง

แม้จะมีการมองว่า คดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์มีอยู่ คือโทษจำคุก 5 ปีจากกรณีจำนำข้าว จะเบากว่าโทษที่นายทักษิณ เผชิญ

แต่กระนั้น ต้องไม่ลืมว่า สิ่งที่นายทักษิณ”จ่าย”ไปกับการที่ตนเองได้กลับบ้านโดยไม่ต้องเข้าคุกแม้แต่วันเดียว “สูงมาก”

สูงจนทำให้ สิ่งที่เป็นแต้มต่อของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่จะยกเป็นเหตุให้ได้กลับบ้านวูบหายไปจำนวนมาก

เพราะเหตุนี้ นายทักษิณและตระกูลชินวัตร จึงต้อง ระดม”ทุน” อันไม่ได้หมายถึงเงินทอง ที่มีมากมายอยู่แล้ว

แต่เป็นทุนทางสังคม ทุนทางการเมือง มาเกื้อหนุนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับบ้านได้อย่าง”ชอบธรรม”และเป็นที่ “ยอมรับ”

ซึ่ง ในสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า กำลังอยู่ในภาวะเปลี่ยนผ่าน และการเปลี่ยนแปลง

ว่าเฉพาะเรื่อง “มวลชน” โดยเฉพาะพลังจากคนเสื้อแดง ที่เคยเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้

ในวันนี้ไม่อาจพูดได้อย่างมั่นใจว่า จะเป็นเช่นนั้น

เพราะ คนเสื้อแดง แยกออกเป็นแดงหลายเฉด แม้กระทั่งเปลี่ยนโทนออกไปเป็นสีส้ม ก็ไม่น้อย

พลังสีแดง จึงไม่มีเอกภาพ เพียงพอที่จะสนับสนุนนายทักษิณและตระกูลชินวัตร อย่างเช่นเดิม

ในทางการเมือง การที่พรรคเพื่อไทย เข้าไปเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล กุมอำนาจบริหารไว้ในมือ มาร่วม 6 เดือน

เป็น 6 เดือน ที่ต้องยอมรับ ว่า มิได้เปล่งประกาย หรือเป็นความหวังอันเรืองรอง เหมือนรัฐบาลยุคไทยรักไทย ที่มีนายทักษิณเป็นผู้นำ

ตรงกันข้าม เป็น 6 เดือน ที่ถูกตั้งคำถาม ตั้งข้อสงสัย ถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผล ของฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ

ซึ่งในอีกไม่กี่วัน ทั้งสภาสูงและสภาร่าง กำลังจะมีการเปิดซักฟอกรัฐบาล

ที่แม้จะเป็นการอภิปรายทั่วไป แบบไม่ลงมติ

แต่ก็เชื่อว่า คงจะส่งสะเทือน ต่อรัฐบาลไม่น้อย

แถมยังจะมีการลากดึงเอาการกลับบ้านของนายทักษิณและของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มาเป็นประเด็นของการตอกย้ำความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม ทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมด้วย

นี่เองที่ทำให้ พลังจากรัฐบาล ที่จะมาเกื้อหนุน ความต้องการของครอบครัวชินวัตร แผ่วเบาลงไป

จึงทำให้ ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า ความพยายามพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับบ้านมีแน่

แต่การกลับมาดังกล่าว ต้องวิ่งบน”ถนนลูกรัง” ที่แสนจะขรุขระ

ไม่ง่าย ที่จะไปให้ถึงจุดหมาย

—————————