ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 มีนาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | Multiverse |
ผู้เขียน | ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ |
เผยแพร่ |
ในบทความก่อนหน้านี้เรื่อง “‘ฟ้าผ่า’ ทำอันตรายคนเราด้วยกลไกอะไรได้บ้าง?” ผมได้เล่ากลไกต่างๆ ที่ฟ้าผ่าสามารถทำอันตรายต่อคนเรา (และสัตว์) ไปแล้ว คราวนี้จะขอสรุปกฎและคำแนะนำเพื่อลดความเสี่ยงจากอันตรายที่เกิดจากฟ้าผ่าให้อ่านแบบชัดๆ คำแนะนำแต่ละข้อมีหลักการทางวิทยาศาสตร์รองรับ
ในที่นี้ขอแนะนำกฎที่ต้องรู้ และการปฏิบัติตัวในสถานการณ์ต่างๆ ได้แก่ อยู่ในรถยนต์ อยู่ในที่โล่งแจ้ง และอยู่ในอาคาร ดังนี้ครับ
กฎ 30/30
กฎ 30/30 หรือที่ฝรั่งเรียกว่า The 30/30 Rule มีความหมายและข้อสังเกตดังนี้
เลข 30 ตัวแรก คือ 30 วินาที หมายความว่าหากเห็นฟ้าแลบแล้วได้ยินเสียงฟ้าร้องตามมาภายในเวลาไม่เกิน 30 วินาที ก็แสดงว่าเมฆฝนฟ้าคะนองอยู่ใกล้เพียงพอที่ฟ้าผ่าจะทำอันตรายคุณได้ ให้หาสถานที่ปลอดภัยทันที
ตัวเลข 30 วินาทีมาจากการที่เสียงในอากาศเดินทางเร็วประมาณ 346 เมตรต่อวินาที (ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส) ดังนั้น ระยะเวลาต่ำกว่า 30 วินาที จึงแปลว่าเมฆฝนฟ้าคะนองอยู่ห่างคุณไม่ถึง 10.5 กิโลเมตร โดยประมาณ
แม้ว่ากฎ 30/30 จะให้ค่าตัวเลขราว 10.5 กิโลเมตรเอาไว้ แต่ค่านี้เป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้นเท่านั้น เนื่องจากมีหลักฐานว่าสายฟ้าสามารถเคลื่อนที่เป็นระยะทางในแนวระดับที่ไกลกว่านี้มากก่อนที่จะฟาดลงสู่พื้น จากงานวิจัยหนึ่งพบว่าสายฟ้าที่รัฐฟลอริดาฟาดลงบนพื้นห่างจากจุดกำเนิดถึงราว 40 กิโลเมตร โดยระยะเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่ไม่ถึง 1 วินาที! (ดูภาพ)
สายฟ้าส่วนใหญ่ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ คือ ฟ้าผ่าแบบบวก (positive lightning) ซึ่งเป็นสายฟ้าที่ออกมาจากยอดเมฆฝนฟ้าคะนอง
เลข 30 ตัวหลัง คือ 30 นาที หมายความว่า หลังจากที่ฝนหยุดตกและไม่มีเสียงฟ้าร้องแล้ว คุณควรรออยู่ในสถานที่ปลอดภัยอีกอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้มั่นใจว่าเมฆฝนฟ้าคะนองได้ผ่านไปหรือสลายตัวไปแล้ว
กรณีที่คุณอยู่ในรถยนต์ : รถยนต์เป็นสถานที่ค่อนข้างปลอดภัยหากทำตามคำแนะนำดังนี้
– ปิดกระจกให้สนิททุกบาน (หมายเหตุ : รถที่ไม่มีหน้าต่างให้ปิด เช่น รถกอล์ฟ ไม่ปลอดภัยจากฟ้าผ่า)
– อย่าใช้โทรศัพท์มือถือที่กำลังพ่วงต่อกับที่ชาร์จไฟของรถ
– หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับวิทยุในรถ (คำอธิบาย : วิทยุเชื่อมต่อกับเสาอากาศที่อยู่บริเวณหลังคารถ หากฟ้าผ่าลงบนหลังคารถและคุณกำลังหมุนปุ่มหาคลื่นวิทยุ กระแสไฟฟ้าก็จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางวิทยุได้)
กรณีที่คุณอยู่ในที่โล่งแจ้ง
– รีบหาสถานที่ที่ปลอดภัย ได้แก่ รถยนต์ หรืออาคารขนาดใหญ่
– ห้ามอยู่ใกล้ต้นไม้สูงใหญ่ หรือโครงสร้างที่มีลักษณะสูง
– ถ้าอยู่กันหลายคน อย่าอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (คำอธิบาย : หากอยู่ใกล้กัน แล้วคนใดคนหนึ่งถูกกระแสไฟฟ้าจากฟ้าผ่าทำร้าย กระแสไฟฟ้าอาจจะกระโดดออกจากคนคนนั้นไปหาคนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ เรียกว่า ไซด์แฟลช (side flash))
– ถ้าหาที่หลบภัยที่ปลอดภัยไม่ได้และจำเป็นต้องอยู่ในที่โล่งแจ้ง ให้ “นั่งยองๆ เท้าชิด มือปิดหู” เพื่อลดความเสี่ยงอันตรายอันเนื่องจากฟ้าผ่า ท่านี้เรียกว่า lightning crouch หรือ lightning safety position
– ห้ามนอนราบลงกับพื้น เพราะหากฟ้าผ่าบริเวณใกล้ๆ กระแสไฟฟ้าจะไหลมาตามพื้น (เรียกว่า ground current) และเข้าสู่ร่างกายของคุณได้ในปริมาณมาก
กรณีที่คุณอยู่ในบ้านหรืออาคาร
– อย่าใช้โทรศัพท์บ้านแบบมีสาย
– ถอดสายไฟอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่ไม่จำเป็น และควรทำก่อนเกิดฝนฟ้าคะนอง
– หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังไม่ได้ถอดสาย
– อยู่ห่างจากหน้าต่าง
– อย่านั่งหรือนอนบนพื้นคอนกรีต และอย่าพิงผนังคอนกรีต
– นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในที่ปลอดภัย เช่น ภายในตัวบ้าน
ข้อมูลที่ให้ไว้นี้เป็นประเด็นหลักๆ ที่ต้องรู้เพื่อลดความเสี่ยงอันตรายจากฟ้าผ่า ส่วนรายละเอียดมากกว่านี้ สามารถอ่านได้จากเว็บของ NOAA ที่ https://www.weather.gov/safety/lightning-safety ครับ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022