‘ชญาภา’ DNA สินธุไพร ในวันที่ต้องตอบคำถาม ‘พี่น้องเสื้อแดง’ และบทบาททีมโฆษก ใต้แรงเสียดทานหลัง ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน

ชญาภา สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกป้ายแดงพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามถึงตัวตนและจุดยืนของตัวเองกับ “มติชนสุดสัปดาห์” ว่า ยังเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย เพราะระบอบประชาธิปไตยนำพาความคิดที่แตกต่างมาอยู่ร่วมกันโดยสันติ เราได้เห็นการทำงานของคุณพ่อ (นิสิต สินธุไพร) และพี่น้ำ (จิราพร สินธุไพร) พี่สาวเป็นแรงผลักดัน เพราะคุณพ่อเป็นคนที่รักความเป็นธรรม ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหาร จนมีคดีติดตัวถึงทุกวันนี้

ส่วนพี่น้ำ เราเคยได้ช่วยในการทำงานเบื้องหลัง เป็นคนที่ทุ่มเทมากเอาใจใส่ในการอภิปราย ลงพื้นที่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง เราจึงได้ซึมซับ ตกผลึก ซึ่งอาชีพนักการเมืองเป็นอาชีพที่ต้องได้รับความไว้วางใจจากประชาชน อาศัยการทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเอง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ให้ความไว้วางใจ ประกอบกับคุณูปการจากพ่อในการต่อสู้กับพี่น้องเสื้อแดง

ส่วนตัวจึงอยากต่อแถวประชาธิปไตยให้ยาวขึ้น เป็นความฝันอยากเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย เพราะเราสูญเสียโอกาสมามากแล้ว ในฐานะที่เป็นหนึ่งเสียงที่ประชาชนให้มาอยากเห็นประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

“อดีตนายกฯ ทักษิณ” กลับมา
พท.ต้องตอบคำถาม “มหาศาล”

การกลับมาประเทศไทยของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองต้องเผชิญกับแรงเสียดทานอยู่แล้วเป็นธรรมดา และส่วนตัวคิดว่า “ดร.ทักษิณเป็นเหมือนจิตวิญญาณ ที่เราทุกคนเคารพและศรัทธา” ท่านเป็นผู้ก่อตั้งพรรค สืบทอดจากพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มาเป็นพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน และสร้างคุณูปการต่อประเทศหลายประการ

พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่อยู่มานานถึง 2 ทศวรรษ มีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ตามพลวัตของโลก จากไทยรักไทยสู่พรรคเพื่อไทย

อย่างเช่น การปรับกรรมการบริหารพรรค และยุทธศาสตร์ เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทำงานควบคู่กับผู้ที่มีประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีจุดเด่นเรื่องของการทำนโยบายที่จับต้องได้ ในอนาคตก็ต้องผลิตนโยบายเพื่อให้คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น

ซึ่งในปัจจุบันภายใต้การนำของหัวหน้าพรรค คุณแพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยมีโอกาสติดตามคุณอุ๊งอิ๊ง ในช่วงหาเสียงและอยู่ในช่วงที่คุณอุ๊งอิ๊งกำลังตั้งครรภ์แต่ไม่เคยบ่นสักคำ

จะเห็นได้ว่าคุณอุ๊งอิ๊งเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เสียสละ มีความเด็ดเดี่ยว ชี้ขาดในทุกเรื่อง รับฟังเสียงสะท้อน มีความคิดเป็นของตัวเอง มีความเป็นผู้นำสูง ในความเป็นจริงการทำงานร่วมกันในพรรค บุคลากรของพรรคมีความเข้าใจในการเมือง ธุรกิจ การเมือง ที่เข้าใจประชาชน

นโยบายในอดีตที่ผ่านหลายคนอาจบอกว่าพรรคกินบุญเก่า อย่างไรก็ตาม นโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยทำไว้ผ่านไปเกือบ 20 ปี ถึงคนรุ่นใหม่จะเกิดไม่ทัน แต่ก็ได้รับประโยชน์

เพราะฉะนั้น เราก็ต้องต่อยอดบุญเก่า ต่อยอดนโยบายที่เคยประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน อย่างนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น 30 บาทรักษาทุกที่

วางกลยุทธ์การสื่อสาร

การสื่อสารเป็นสิ่งจำเป็นในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำโดยดนุพร ปุณณกันต์ (บรู๊ค) ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมกับรองโฆษกอีก 4 ท่าน มีการประสานงานร่วมกันกับโฆษกประจำกระทรวงแต่ละกระทรวง สิ่งสำคัญในการสื่อสารคือข้อมูลต้องมีถูกต้องชัดเจน ผิดพลาดไม่ได้ ละเอียดแม่นยำ ทันเหตุการณ์ และเป็นประโยชน์กับประชาชน และให้ความสำคัญกับทุกประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่กระทบกับภาพรวมทั้งพรรคและบุคคลในพรรค

บทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาการสื่อสารของพรรคอาจไม่ชัดเจน ทำให้เกิดการบิดเบือนและการเข้าใจผิด

ในอนาคตพรรคจึงให้ความสำคัญในการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะในด้านนิติบัญญัติผลักดันกฎหมายในสภา ควบคู่กับการลงพื้นที่เพื่อที่จะครองใจ เพราะฉะนั้น พรรคก็ยังยืนยันว่าการเดินของพรรคเพื่อไทย ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อต้องการให้ประเทศก้าวข้ามคณะรัฐประหารและนำประเทศเดินต่อไปข้างหน้า

พรรคจะทำงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์ เรานำเสนอด้วยข้อเท็จจริง เป้าหมายใหญ่คือการก้าวข้ามอุปสรรค แก้วิกฤต นำพาประเทศไปข้างหน้า

พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องเป็นแกนนำ ต้องทำงานให้เป็นที่ประจักษ์ ให้ประชาชนเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงกินดีอยู่ดี โดยเฉพาะนโยบายที่พรรคเพื่อไทยชูคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นโครงสร้างใหญ่ในการขับเคลื่อนประเทศ

 

สงคราม ส้ม vs แดง

โดยส่วนตัวเข้าใจความไม่พอใจของทั้งสองฝ่ายระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนแดงและส้ม โดยมองว่าทั้งสองฝ่ายเป็นประชาชนที่สนับสนุนเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นปกติในเรื่องของแนวคิด วิธีการที่อาจจะแตกต่างแต่เป้าหมายเพื่อความก้าวหน้าของประเทศ ถือว่าเป็นความสวยงามของประชาธิปไตย

น้อมรับความคิดเห็นจากทั้งสองฝ่ายที่เป็นประโยชน์พร้อมนำไปผลักดัน

พร้อมทั้งนำเสนอข้อมูลที่นำมาหักล้างในสิ่งที่ถูกกล่าวหา และให้ความสำคัญในทุกประเด็น

 

เสียงเรียกร้องความยุติธรรม
จากพี่น้องเสื้อแดง

ส่วนตัวในฐานะลูกหลานคนเสื้อแดง มีโอกาสได้ตามคุณพ่อ (นิสิต สินธุไพร) ไปฟังปราศรัยร่วมชุมนุมกับพี่น้องเสื้อแดงอยู่บ้าง และมีไปร่วมเองบ่อยครั้ง เพราะเชื่อมั่นและเห็นด้วยกับแนวทางการไม่เอารัฐประหาร เนื่องจากมองว่าวิธีการเช่นนี้คือการบ่อนทำลายการเมืองระบอบประชาธิปไตยและเศรษฐกิจ

ส่วนตัวจึงยังรัก เคารพ และคารวะเชิดชูพี่น้องคนเสื้อแดงพี่น้องวีรชนคนที่เสียสละทุ่มเททั้งที่ต้องขาดอิสรภาพ ต้องติดคุก ต้องทุพพลภาพ ตรงนี้เราไม่เคยลืมเหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน

ที่ผ่านมาเราอาจจะต้องมีการทำความเข้าใจบางกลุ่มที่ต้องอธิบายความ ถึงการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคหรือสิ่งเดิมๆ ที่คณะรัฐประหารวางไว้ห้วงเวลา 8-9 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องทำงานให้เป็นที่ประจักษ์พิสูจน์ตัวเองว่านโยบายและการเดินของพรรคเพื่อไทยเพื่อนำประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อนำประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้โดยการมีรัฐบาลพลเรือนที่จะเข้ามาบริหารประเทศ

ยุคนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาเป็นรัฐบาลภายใน 7 เดือนแรกมีการอนุมัติเยียวยาพี่น้องผู้เข้าร่วมชุมนุมที่ได้รับผลกระทบจากการเข้าร่วมชุมนุม โดยเยียวยาคนเสื้อแดงแล้วก็กลุ่มสีอื่นๆ ด้วย ที่ได้รับการผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง

มาถึงรัฐบาลปัจจุบันต้องเรียนว่าเราไม่เคยนิ่งนอนใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าเราไม่มีอำนาจรัฐในมือมา 10 ปี แต่ว่ามาครั้งนี้เรามีความตั้งใจ ถ้าจำกันได้ พรรคเพื่อไทยมีการเสนอแก้กฎหมายร่าง พรบ.ป.ป.ช.โดยนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ก็ไม่ละเลยประชาชนทุกกลุ่ม หาทางออกเพื่อหยุดความขัดแย้ง ในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดง เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความไม่ยุติธรรม จึงเกิดร่างของพรรคคือ ร่าง พ.ร.บ.ป.ป.ช. (ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ …) พ.ศ….) โดยการนำเสนอของ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับคณะ

ส่วนตนเองจะทำหน้าที่ผลักดันในสภา ติดตามคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมต่อไป

ชมคลิป

https://www.youtube.com/channel/UCAbOmOpSRngMGoLbMjePQJg