ถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้นำแห่งอาณาจักรโล่เงิน ออกมายืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แต่คนภายนอกเห็นถึงการเมืองภายในที่ปะทุออกมาชัดเจนระหว่าง “เบอร์ 1” กับ “เบอร์ 2”

เหตุการณ์ที่นำมาสู่ “บรรยากาศมาคุ” จนเปิดศึก “สองบิ๊ก” นั้น คนวงการสีกากีไล่ให้ฟัง

เริ่มตั้งแต่คดี “ผู้การอ๊อด” พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี และนายตำรวจอีก 7 คน ถูกกล่าวหารีดทรัพย์เว็บพนันออนไลน์ “Foxbet 168” จากกลุ่มของ “เป้” นายธนินวัฒน์ อุดมเชาวเศรษฐ์ และพวกรวม 6 คน กว่า 140 ล้านบาท มีการโจษจันกันว่า เป็นยุทธการสกัดเส้นทางแคนดิเดต “ตัวเต็ง” ขณะนั้นไม่ให้ก้าวสู่บัลลังก์ แต่ในที่สุดได้ผงาดนั่งในตำแหน่ง

ตามด้วยคดีอุกอาจ ยิง “สารวัตรแบงก์” ที่สำนักงานกำนันนก นครปฐม โยงไปถึง “ทีมตำรวจทางหลวง” ซึ่งใกล้ชิดกับเบอร์ 1 กรมปทุมวัน ที่ตอนแรก “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. คุมคดีเอง และจ่อจะเอาผิด “ผู้กำกับเบิ้ม” น้องรักของ “พี่ต่อ” ถึงแม้นยิงตัวตายไปแล้ว และแล้วมีคำสั่งโอนคดีให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทำ

ถัดมาว่ากันว่าเป็นการ “เอาคืน” ด้วยปฏิบัติการของตำรวจไซเบอร์ และคอมมานโด ค้นบ้านตอนเช้าตรู่วันที่ 25 กันยายน ปรากฏภาพนายพลหนุ่มอยู่ในสภาพชุดลำลอง เสื้อยืดสีขาว กางเกงบ๊อกเซอร์ขาสั้น สวมถุงเท้า

โจษจันว่า งานนี้ ทั้งดิสเครดิต ทั้งลั่นดาล “คู่ชิงสำคัญ” ในศึกเก้าอี้ ผบ.ตร.ปีกลาย

นอกจากค้นบ้านรอง ผบ.ตร.คนดังแล้ว วันนั้นตำรวจไซเบอร์ได้ระดมกำลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ เข้าค้นรวม 30 จุดใน 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, เพชรบุรี, ขอนแก่น, อุดรธานี และสระบุรี

จนกลายมาเป็น “สารตั้งต้น” นำมาสู่การดำเนินคดีเว็บพนันออนไลน์ของ ‘มินนี่’ และเครือข่าย 53 คน รวมทั้งนายตำรวจใกล้ชิด “บิ๊กโจ๊ก” อีก 8 คน แล้วส่งให้ ป.ป.ช. แต่ต่อมา ป.ป.ช.ส่งกลับให้ตำรวจดำเนินคดีเอง

 

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนได้ขยายผลร้องทุกกล่าวโทษ 5 นายตำรวจ มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมอยู่ด้วย

ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ หรือกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ในตำแหน่งไม่ว่าการนี้จะชอบหรือมิชอบในหน้าที่

เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

เป็นเจ้าพนักงานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้กระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน

ร่วมกันฟอกเงิน และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้อื่น นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายฯ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วบการป้องกันปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 128, 172 ป.อาญามาตรา 149, 157 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(9), 5(1) (2) (3), 9 วรรคสอง, 10, 11 ประกอบกับ ป.อาญา มาตรา 83

ล่าสุดนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. เผยว่า ป.ป.ช.จะทำสำนวนคดี 5 นายตำรวจนี้เอง

 

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ปฏิเสธเกี่ยวข้องเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ เนื่องจากไม่ได้ให้คุณให้โทษกับเว็บพนัน และไม่ได้คุม บช.ไซเบอร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นรอง ผบ.ตร.ดูความมั่นคงก็ตาม

และไม่ได้หนักใจ เพราะสองปีที่ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกตรวจสอบมาอย่างหนักแทบทุกรูขุมขนแต่ก็ไม่ได้พบอะไร

จนได้รับการแต่งตั้งให้กลับมาเป็น ผช.ผบ.ตร.และปัจจุบันเป็นรอง ผบ.ตร.

ดังนั้น เชื่อว่าคงจะไม่ตายน้ำตื้นอย่างแน่นอน เหตุที่ต้องตกเป็นเป้าหมาย สังคมรู้ดีว่าเป็นการดิสเครดิต

“ไม่เคยทิ้งลูกน้อง และเชื่อว่าลูกน้องทั้ง 8 คนทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จึงไม่ได้ทิ้งลูกน้องเลย เพราะถ้าทิ้งลูกน้อง อีก 7-8 ปีที่เหลืออยู่ใครจะทำงานกับผม” รอง ผบ.ตร.กล่าว

 

ระหว่างที่คดีดำเนินไป ปรากฏสถานการณ์เรียกว่า “ผีซ้ำด้ำพลอย” เข้าไปอีก กลุ่ม 8 ตำรวจมีพฤติการณ์ข่มขู่คุกคามนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ที่ให้คำแนะนำปรึกษาพนักงานสอบสวนในคดีเว็บมินนี่ ตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) มอบหมายให้ทั้งสองคนมาทำหน้าที่ หลังผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ร้องเรียนการทำหน้าที่ 2 อัยการต่อ “อสส.”

จนทำให้อัยการทั้งสองต้องขอหยุดพักเป็น “ที่ปรึกษา” พนักงานสอบสวนชั่วคราว

นายกุลธนิตเปิดใจว่า ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ทำหน้าที่รับราชการเป็นอัยการจนมาถึงตำแหน่งอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ไม่เคยปรากฏว่ามีเหตุการณ์ที่ถูกผู้ต้องหาถ่ายภาพขณะปฏิบัติหน้าที่มาก่อน มองว่าขนาดเป็นระดับอธิบดีอัยการยังถูกคุกคามในลักษณะนี้ได้ แล้วหากเป็นประชาชนทั่วไป ภาครัฐจะมีมาตรการอย่างไร

ต่อมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สั่งการให้ตำรวจสันติบาลอารักขาคุ้มครองอัยการทั้งสองคน แล้วสั่งให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งทางวินัยและอาญา “กลุ่มนายตำรวจ” ที่แอบถ่ายภาพ และให้ผู้การปากน้ำแต่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.ป. สภ.พระสมุทรเจดีย์ ลูกน้องคนสนิท “บิ๊กโจ๊ก”

 

ล่าสุด “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกมการเมืองภายในแวดวงตำรวจ เป็นไปตามข้อเท็จจริง เรื่องเกิดตั้งแต่ตนเป็น ผบก.ปปป. มีตำรวจเข้าไปร่วมกระทำผิดคดีเว็บพนันมินนี่ ยิ่งเมื่อเห็นตัวเงินกว่า 300 ล้านบาท ผ่านเข้าไปในเส้นทางการเงิน จึงปล่อยผ่านไม่ได้ หากปล่อยไว้จะกลายเป็นมะเร็งร้ายกัดกร่อนวงการตำรวจให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

“มีหลักฐานเป็นสเตตเมนต์ บ่งบอกถึงคนที่เบิกเงิน และแสดงไปถึงกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่ได้รับเงินจากบัญชีม้าตัวนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบกระจายไปยังบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางคดีเกือบครบทุกคน บางคนมาในนามญาติพี่น้อง แต่กว่าครึ่งหนึ่งจะไหลไปที่หัวหน้า ซึ่งเป็นการนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่น่าจะมีเพียงแค่เงินจากบัญชีม้าจากเว็บพนันเครือข่ายมินนี่เพียงเท่านี้ น่าจะมีจากเว็บอื่นๆ อีกด้วย อยู่ระหว่างตรวจสอบให้แน่ชัด” รอง ผบช.ก.ระบุ

จับตามวยรอง ‘แคนดิเดต ผบ.ตร.อันดับ 1’ จะงัดไม้เด็ดอะไรมาเอาคืน เพราะได้ชื่อว่า “แมวเก้าชีวิต” จังหวะการเดินเกมย่อมไม่ธรรมดา

ภาวนาอย่าให้องค์กรยับเยินจากศึก “บิ๊กสีกีกา” ครั้งนี้

สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj

— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022