ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 กุมภาพันธ์ 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ |
ผู้เขียน | หนุ่มเมืองจันท์ |
เผยแพร่ |
ก่อนวันที่คุณทักษิณ ชินวัตร จะได้พักโทษ
ออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า
ผมนึกถึงเรื่องหนึ่งในหนังสือ “คนอื่นเรียกนายกฯ แต่เราเรียก…พ่อ”
หนังสือเล่มนี้เป็นการเรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ของ “โอ๊ค-เอม-อิ๊ง” ลูกทั้ง 3 คน
ตีพิมพ์เมื่อปี 2552
หลังจากคุณทักษิณต้องออกจากเมืองไทยอีกครั้งในปี 2551
เป็นประวัติศาสตร์ “บอกเล่า” จากคนในครอบครัว
มีหลายแง่มุมที่หลายคนนึกไม่ถึง
เป็นมุมที่ใกล้ชิดที่สุดของ “ลูก” กับ “พ่อ”
มีเรื่องหนึ่งที่ผมเคยอ่านเจอ คือ ภาพตอนคุณทักษิณกลับเมืองไทยเมื่อปี 2551
หลังการรัฐประหารปี 2549
เป็นเรื่องที่ “เอม” เล่าตั้งแต่ตอนที่ “ทักษิณ” เดินออกจากเครื่องบิน
…กราบแผ่นดิน
และกลับมาที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
ผมเอาเรื่องนี้มาเขียนในเพจส่วนตัว เพราะน่าจะเข้ากับสถานการณ์ก่อนวันที่คุณทักษิณจะกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าอีกครั้ง
เป็นภาพที่หลายคนนึกไม่ถึง
…วันแรกที่ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า
“พอมาถึงบ้าน คุณพ่อก็วิ่งขึ้นไปบนห้องนอน กระโดดลงเตียงตัวเองแล้วตะโกน
‘โอ๊ย คิดถึงเตียง คิดถึงบ้าน’
พวกเราก็ยืนหัวเราะกัน ตอนนั้นไม่มีใครแล้ว มีแต่คนในครอบครัว
พ่อกระโดดดึ๋งๆ เหมือนเด็กเลย บอกว่า ‘สบายนะเนี่ย ไม่มีเตียงไหนสบายเหมือนอย่างนี้อีกแล้ว’
แล้วก็นอนกลิ้งไปทั้งชุดสูท
พวกเรามองพ่อน่ารักเหมือนเด็กเลยแล้วก็ร้องไห้เพราะมันรู้สึกกินใจมาก
พ่อลุกขึ้นมากอดลูกแล้วพูดว่า ‘ลูก…พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกๆ ต้องลำบาก’
พ่อพูดสั้นๆ แต่ทุกคนรู้ว่าที่พ่อพูดขอโทษนั้น หมายถึงอะไร”
(หนังสือ “คนอื่นเรียกนายกฯ แต่เราเรียก…พ่อ” โดย โอ๊ค-เอม-อิ๊ง)
นั่นคือ บรรยากาศที่บ้านจันทร์ส่องหล้าในวันแรก “ทักษิณ ชินวัตร” กลับเมืองไทยหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
เขากลับมาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551
หรือ 1 ปี 7 เดือน ที่ต้องจากเมืองไทยไป
แม้ภาพข้างนอก “ทักษิณ” จะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่เมื่อกลับมาที่บ้าน อยู่กับภรรยาและลูกๆ
เขาก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่คิดถึงบ้านมาก
“บ้าน” ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ที่คุ้นชิน
แต่ยังรวมถึงบรรยากาศความอบอุ่นในครอบครัว
เพราะ “ทักษิณ” เป็นคนที่รักครอบครัวมาก
แต่ใครจะนึกว่าสิ่งแรกที่เขาทำ คือ วิ่งไปห้องนอนแล้วกระโดดเล่นบนเตียงเหมือนเด็ก
“สูงสุด” แค่ไหนก็คืนสู่ “สามัญ” แบบคนธรรมดา
“ทักษิณ” อยู่เมืองไทยเพียงแค่ 5 เดือน
31 กรกฎาคม เขาก็ต้องจากเมืองไทยไปอีกครั้ง
“ทักษิณ” คงคิดว่าไปครั้งนี้ก็คงไม่นาน
เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว
เขาคงนึกไม่ถึงว่าการเมืองจะโหดร้ายกว่าที่คิด
“ทักษิณ” ต้องใช้ชีวิตในต่างประเทศยาวนานถึง 15 ปี
กว่าจะได้กลับมาอีกครั้งหลังด้วย “ดีลลับ” หลังการเลือกตั้งปี 2566
“ทักษิณ” โดนกระทำทางการเมืองต้องออกจากเมืองไทยด้วยกระบวนการยุติธรรมแบบ 2 มาตรฐาน
และได้กลับมาเมืองไทยด้วยสิ่งเดียวกัน
วันนี้ “ทักษิณ” จะได้กลับไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าอีกครั้ง
เขาคงคิดถึงบ้านหลังนี้มาก
ไม่รู้ว่าสิ่งแรกที่เขาทำจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำเมื่อ 15 ปีที่แล้วหรือไม่
วิ่งไปห้องนอน
แล้วกระโดดเล่นบนเตียง…

ผมจบข้อเขียนไว้แค่นี้
ต้องการแค่เทียบเคียงภาพในอดีตกับปัจจุบัน
ลืมนึกไปว่าครั้งนี้คุณทักษิณไม่ได้กลับบ้านในสถานะเดียวกับเมื่อปี 2551
คุณทักษิณเป็น “คนป่วย”
ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นเวลานานถึง 6 เดือน
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า “ผู้ต้องขัง” ที่ได้ออกมารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ จะต้องเป็นคนป่วยที่อาการหนักมาก
คุณทักษิณอยู่ในสถานะนี้ครับ
เป็นข้อมูลจากแพทย์และกรมราชทัณฑ์
ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นทัศนะของแต่ละคน
เมื่อป่วยหนัก คุณทักษิณจะวิ่งไปห้องนอน แล้วกระโดดเล่นบนเตียงคงไม่ได้
ไม่แปลกที่จะมีคนเข้ามาคอมเมนต์เรื่องนี้เยอะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นภาพคุณทักษิณออกจากโรงพยาบาลตำรวจ
เขานั่งรถตู้ส่วนตัวพร้อมกับ “เอม-อิ๊ง”
ใส่เฝือกอ่อนที่แขนและคอ
อย่าลืมว่าคุณทักษิณมีสิทธิที่จะเปิดม่านหน้าต่างรถ หรือปิดม่านก็ได้
ถ้า “ปิดม่าน” ก็แสดงว่าเขาไม่อยากเปิดตัว
แต่ถ้า “เปิดม่าน” ให้ช่างภาพถ่ายรูปได้
แสดงว่าคุณทักษิณต้องการให้คนไทยได้เห็นภาพของเขาตอนออกจากโรงพยาบาล
นอกจากนั้นตอนที่รถเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาล
เขาใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า
แต่ตอนจะเข้าบ้าน
“ทักษิณ” ถอดหน้ากาก ให้เห็นใบหน้าเต็มๆ
ทำหน้าเครียดๆ ไม่ยิ้ม
รายละเอียดเหล่านี้มี “ความหมาย” ทางการเมือง
ในทางการเมือง การประเมินกระแสความรู้สึกของสังคมเป็นเรื่องสำคัญมาก
ถ้าฟังคนรอบข้าง หรือคนที่เชียร์มากเกินไป
จะประเมินสถานการณ์ผิดพลาด
เพราะต้องยอมรับว่าการกลับบ้านครั้งนี้ของคุณทักษิณ มาอย่าง “อภิสิทธิ์ชน” จริงๆ
คนส่วนใหญ่เปรียบเทียบกับนักโทษการเมืองคนอื่นๆ ที่ไม่ได้สิทธิพิเศษแบบนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “อากง”
คุณอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เคยบอกว่าการเมืองนั้น “ความเชื่อ” คือ “ความจริง”
ถ้าคนส่วนใหญ่เชื่อว่าอย่างไร
นั่นคือ “ความจริง” ทางการเมือง
ถามว่าคนส่วนใหญ่เชื่อว่าคุณทักษิณป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลหรือไม่
หรือป่วยการเมือง
ถ้าทำใจนิ่งๆ แล้วยอมรับความจริง
เขาจะแก้เกมอีกแบบหนึ่ง
เช่น แทนที่จะ “เปิดม่าน” ก็เปลี่ยนเป็น “ปิดม่าน” ดีกว่า
ไม่ต้องให้เห็นอะไรเลย
จะได้ไม่มีประเด็นใหม่เรื่องเฝือกแขน-คอ เกิดขึ้น
เรื่องบางเรื่อง “ไม่เห็น” ดีกว่า “เห็น”
เมื่อเราเปลี่ยน “ความเชื่อ” ของคนไม่ได้
แต่อย่างน้อยก็ควรเล่นให้สมบทบาทกว่านี้
ผมนึกเล่นๆ ว่าไหนๆ ข้อมูลทางการบอกว่าคุณทักษิณป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลตำรวจ
ก่อนวันกลับบ้าน ควรจะมีภาพรถโรงพยาบาลพระรามเก้าของคุณทักษิณเข้าบ้านสักครั้ง
ในบ้านก็ติดตั้งอุปกรณ์การแพทย์สักนิด
ถ่ายรูปห้องและพยาบาลสักคนลงอินสตาแกรม
แสดงให้เห็นว่าบ้านนี้มีอุปกรณ์การแพทย์เตรียมพร้อมสำหรับคนป่วยหนักแล้ว
ข้อมูลการป่วยที่จะออกข่าวควรจะตรงกัน
ไม่ใช่คนหนึ่งบอก “กระดูกหัก”
อีกคนหนึ่งบอกว่า “เอ็นไหล่ฉีกขาด”
คุณทักษิณควรพักเงียบๆ ที่บ้านสักช่วงหนึ่ง ให้กระแสข่าวเริ่มเบาๆ
รอจนมี “ข่าวใหม่” มากลบข่าวคุณทักษิณก่อน
แล้วค่อยแสดงบทบาททางการเมือง
ตอนนี้ถ้าจะคุยกับใคร จะเจอใครก็นัดเงียบๆ
นั่งรถเข็นตอนเจอผู้คนหน่อยก็ได้
เผื่อให้คนไปเล่าต่อ
ไหนๆ จะ “เชื่อ” ทางนี้แล้ว
ก็ต้องเล่นให้สุดทาง
คุณสุทธิชัย หยุ่น เคยถามผมในรายการ “สมมุติว่า”
“คุณทักษิณจะเข้ามามีอำนาจอยู่เบื้องหลังของรัฐบาลหรือไม่”
ผมหัวเราะ ตอบว่าไม่เคยเห็นคุณทักษิณอยู่เบื้องหลังเลย
“ผมเห็นอยู่เบื้องหน้าตลอด” •
ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022