ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 กุมภาพันธ์ 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | จ๋าจ๊ะ วรรณคดี |
ผู้เขียน | ญาดา อารัมภีร |
เผยแพร่ |
‘หนักอก’ ในที่นี้ไม่ได้เกิดจากสตรีมีทรวงอกขนาดใหญ่ (เวลาเดินหรือวิ่งแล้วหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงจนทำให้เจ้าของอกรู้สึกหนักและเจ็บแปลบหากสั่นสะเทือนแรงและเร็วเกินไป)
แต่เป็นความหนักอกหนักใจของบุรุษที่รู้สึกราวกับมีภูเขาหลวงหรือภูเขาพระสุเมรุมาทับอยู่บนอก
วรรณคดีสมัยอยุธยาเรื่อง “สมุทรโฆษคำฉันท์” หลังจากพระโพธิ์เทพารักษ์อุ้มสม (อุ้มพระเอกมาสมสู่กับนางเอก) แม้ความสุขสมจะเกิดขึ้นอย่างงงงวยด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่พระสมุทรโฆษและนางพินทุมดีต่างก็อิ่มเอมสุขจนหลับใหลไปด้วยกัน
“สองเสวยสุขสุดสงกา ชมลาภมหา
อันเทพยแสร้งเอาสม
สองเสวยรสกรีฑารมย์ สุขในพระบรรทม
เลวงด้วยสร้อยเสาวคนธ์
สองสมสุขเล่นกลอยกล กามาโดยดล
ตระการเทียรทุกลบอง
แล้วเคลิ้มหลับในแท่นทอง ชวาลาเรืองรอง
แลแสงจำรัสส่องศรี”
ต่อจากนั้นไม่นานนักเทพารักษ์ที่อุ้มหนุ่มมาก็พาหนุ่มกลับ ความสุขที่พลันหายวับทำให้พระสมุทรโฆษทุกข์ระทมราวกับมีภูเขาหลวงหรือภูเขาพระสุเมรุทับอยู่บนอก
“ถนัดล่มหล้าฟ้าปั่นปวง ถนัดภูผาหลวง
และท่าวมาทับทรวงศรี”
แค่ภูเขาธรรมดาก็หนักมากอยู่แล้ว ยิ่งเป็นภูเขาหลวงหรือเขาพระสุเมรุ น้ำหนักยิ่งทวีขึ้นจนสุดประมาณ เพราะสูงตระหง่านใหญ่โตมโหฬารเหนือภูเขาทั่วไป ทำให้ตระหนักถึงความรู้สึกที่พระสมุทรโฆษเผชิญอยู่ขณะนี้เป็นความทุกข์ความหนักใจใหญ่หลวงเกินกว่าจิตใจจะต้านรับไหว
น่าสังเกตว่า วรรณคดีสมัยรัตนโกสินทร์หลายเรื่อง นิยมเปรียบความทุกข์ ความวิตกกังวล ฯลฯ กับภูเขาหลวงหรือภูเขาพระสุเมรุ ดังตอนที่อิเหนาปรับทุกข์กับพี่เลี้ยงว่าเสียดายนางบุษบาผู้สูงส่งด้วยชาติกำเนิด งามพร้อมด้วยรูปลักษณ์จะอภิเษกกับระตูจรกาตระกูลต่ำช้า หน้าตาอัปลักษณ์ อิเหนารู้สึกหนักใจราวกับยกเอาภูเขาพระสุเมรุมาทับอกไว้ น้ำหนักมหาศาลของเขานี้แทบจะทำให้ทรวงอกอิเหนาแตกทำลายไม่มีชิ้นดี
บทละครรำเรื่อง “อิเหนา” บรรยายวาจาและท่าทีของอิเหนา ดังนี้
“เมื่อนั้น พระโฉมยงทรงโทมนัสา
จึงว่าเมื่อไม่สมดังจินดา จะกินโภชนาไปว่าไร
น้องจะใคร่กลั้นใจให้ดับจิต สุดคิดที่จะทนทานได้
อันความร้อนรนเป็นพ้นไป ดังนอนอยู่ในอัคคีกาล
หนักอกดังยกภูเขาหลวง มาทับทรวงให้แยกแตกฉาน
แม้นมาตรม้วยมุดสุดปราณ ก็ดีกว่าทรมานไม่สมคิด”
เสภาเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” ตอนพลายแก้วเป็นชู้กับนางพิมพิลาไลย หนุ่มก็ตัดพ้อสาวทำนองเดียวกัน ว่าความทุกข์อันเกิดจากความรักหนักอกราวกับมีภูเขาพระสุเมรุทับอยู่
“อันความรักหนักแน่นแสนวิตก ระอาอกแทบเท่าภูเขาหลวง”
ไม่ต่างอะไรกับ “ลิลิตตะเลงพ่าย” ตอนที่พระมหาอุปราชาอาลัยความสุขในเวียงวัง ได้รำพันถึงความทุกข์ที่หนักอกยามนี้ว่า
“หน่ายเชยหนักอกช้ำ ก่ำทรวง
ถนัดดั่งภูผาหลวง ทุ่มแท้
หนักหาบที่พลปวง ปลงพัก ได้นา
หนักเสน่ห์นึกแก้ เกี่ยงให้เบาไฉนฯ”
ความทุกข์ที่ถาโถมใจเปรียบดังภูเขาพระสุเมรุที่หนักแสนหนักทุ่มทับลงมาก็ไม่ปาน
หนักอกหนักใจเมื่อใด ใจ ‘เสียศูนย์’ เมื่อนั้น •
จ๋าจ๊ะ วรรณคดี | ญาดา อารัมภีร
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022