เอฟเฟ็กต์ชิง ผบ.ตร.คนที่ 15 ศึกเกาเหลาในรั้วปทุมวัน อาณาจักรโล่เงินสะเทือน

ส่องอาณาจักรโล่เงินจากกรณีแชร์กันว่อนโซเชียลแวดวงสีกากีกับคำสั่ง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ลงนามถึงรอง ผบ.ตร., จเรตำรวจแห่งชาติ และผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า เรื่อง งดเว้นการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจ (สน.) ทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาล สถานีตำรวจภูธร (สภ.) หรือกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด มาศึกษาดูงาน ฝึกงาน หรือมากำชับการปฏิบัติหน้าที่

มีใจความว่า เพื่อเป็นการให้ความสำคัญกับงานของสถานีตำรวจ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานีตำรวจได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชนอย่างใกล้ชิด จึงกำชับให้งดเว้นการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สน./สภ. และ บก/ภ.จว.มาศึกษาดูงาน ฝึกงาน หรือมากำชับการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีความจำเป็น

หากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการดังกล่าวให้ขออนุญาตต่อ ผบ.ตร. ก่อนการสั่งการทุกครั้ง ทั้งนี้ สามารถใช้อำนาจในการกำกับการบริหารราชการ ควบคุม กำกับดูแล ติดตาม การปฏิบัติราชการ และควบคุมการบังคับบัญชา เพื่อให้การบริหารราชการเป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่ง นโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการที่กำหนดเพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

 

จากคำสั่งนี้เห็นร่องรอยความเขม็งเกลียวในความสัมพันธ์ระหว่าง “บิ๊กสีกากี”

ทั้งที่พยายามแก้ภาพลักษณ์ “กินเหลา” ตามบัญชา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ตร. ที่สั่งให้หย่าศึกภายในองค์กร หลังได้ ผบ.ตร.คนที่ 14 หมาดๆ แต่ใครๆ ก็ว่าเหมือนดูลิเกโรงใหญ่

แน่นอนคำสั่งนี้ได้รับคำแซ่ซ้องอย่างสนั่นหวั่นไหวจากพี่น้องในวงการเดียวกันทำนองถูกใจยิ่งนัก แชร์กันอย่างกว้างขวาง อาทิ ตำรวจทั้งประเทศขอกราบ “ท่านต่อ” ด้วยความซาบซึ้งน้ำใจ หมดเวร หมดกรรมจริงๆ เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจตำรวจทั้งประเทศ

ไม่ต้องตกอยู่ในชะตากรรมซ้ำรอยเหมือนกรณีที่ผ่านๆ มา เป็นต้น

มีข่าวเล็ดลอดว่าที่มา “คำสั่ง” นี้ น่าจะมาจากบิ๊กตำรวจบางคน จะเรียกรองผู้การสกลนคร งานจราจร พร้อมผู้ใต้บังคับบัญชา มาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อ “ขันน็อต” งาน

จากกรณีสั่งการประชุมขับเคลื่อนกวดขันการปฏิบัติตามกฎหมายจราจรในส่วนตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร พบข้อบกพร่องการปฏิบัติผ่านระบบการจัดทำแผนการตั้งจุดตรวจเมื่อในวันที่ 6 กุมภาพันธ์

ทำให้ “พิทักษ์ 1” ต้องออกมาเบรก

 

ประกอบก่อนหน้านี้เป็นที่รับรู้กันอยู่ในกรมปทุมวันว่า บิ๊ก ตร.คนดัง มักใช้สถานที่นอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นที่ทำงาน เรียกผู้ใต้บังคับบัญชาในงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง และเป็นสถานที่แถลงข่าว

มีบางคนไปผูกสถานการณ์เมื่อต้นปีที่แล้วที่มีหัวหน้าโรงพักมาชี้แจงแล้ววูบหมดสติไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ยิ่งเกิดดราม่ามีแนวร่วมอย่างท่วมท้น

แต่ขณะเดียวกันมีมุมสะท้อนมาว่าในฐานะผู้นำองค์กร ควรมีความเป็นนักบริหาร เรื่องแค่นี้น่าจะยกหูถึงกัน คุยกันตามประสาพี่น้องดีกว่าไหม ไม่ต้องถึงกับต้องทำหนังสือเวียน ควรรักษาภาพลักษณ์องค์กร

เพราะไหนๆ ก็เล่นละครแล้วว่าต่างมีสีแดงเลือดหมูกัน อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ที่เรียกว่า “Home” จะช่วยสร้างสามัคคีให้ดีกว่านี้ เลิกซดเกาเหลากัน ไม่อย่างนั้นองค์กรไม่พัฒนา เพราะมัวแต่ต้องมานั่งแก้ปัญหาการเมืองภายใน

 

แต่อีกฟากรู้จักที่จะหมอบ รอคอยเวลาในฐานะแคนดิเดตอันดับต้นๆ ลุยงานขยันทำแต้มเหนือคู่ต่อสู้คนอื่นๆ ที่อยู่ในระนาบเดียวกัน

ปรากฏให้เห็นตามหน้าสื่อ ทั้งการเจรจาผู้ชุมนุมพี-มูฟ หรือขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมเคียงข้างแกนนำรัฐบาล และเดินสายตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญตำรวจในต่างจังหวัด

ภายนอกอาณาจักรโล่เงิน “บิ๊ก ตร.หนุ่ม” ถือเป็นตำรวจขวัญใจมหาชน ด้วยสไตล์การทำงานจริงจังถึงลูกถึงคนในการแก้ปัญหาชาวบ้านที่เดือดร้อน และลุย “สีเดียวกัน” ที่เป็นปลาเน่าทำให้น้ำทั้งบ่อเหม็น สวมบท “โปลิศจับตำรวจ”

วลีที่โดนใจ ต้องจัดการตัดนิ้วเน่า คือ “ตำรวจมีเส้นแบ่งบางๆ หากเลยจากเส้นแบ่งบางๆ ก็กลายเป็นโจร เมื่อไหร่เป็นโจรก็ต้องจับกัน”

 

และเรื่องล่าสุดเซาะกร่อนบริวาร “แคนดิเดต ผบ.ตร.” กรณีบิ๊กอัยการท่านหนึ่งได้ทำเอกสารลับถึง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ร้องเรียน “ก๊วนตำรวจ” ลูกน้องเกี่ยวพันเว็บพนันออนไลน์ กดดันข่มขู่ถ่ายภาพทนายแผ่นดิน ทำให้หวาดกลัวจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย และบุคคลในครอบครัว

บิ๊กอัยการจึงได้กราบเรียนอัยการสูงสุดพิจารณาอนุญาตให้หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะปกป้องคุ้มครองเป็นหลักประกันได้

ประเมินกันว่าจะนำมาสู่การดำเนินคดีเพิ่มไปสู่จุดจบอาชีพรับราชการของบริวารหรือไม่

หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาได้เปิดหน้าสู้ชี้แจงภาพถ่ายอยู่ในสถานที่ราชการ เป็นที่เปิดเผย ไม่ได้แอบถ่ายคุกคามข่มขู่ ไม่ใช่เฝ้าสะกดรอยติดตาม หรือถ่ายบุคคลในครอบครัว

ปรากฏว่า นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกอัยการ ได้แถลงว่า อัยการสูงสุดได้มอบนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ไปเป็นที่ปรึกษาสอบสวนคดีกลุ่มนายตำรวจพัวพันเว็บพนันออนไลน์ โดยที่สำนักงานตำรวจเเห่งชาติมีคำขอมา จึงเป็นที่ปรึกษาคดีโดยชอบด้วยกฎหมาย

จึงเห็นว่า “เบอร์ต้นๆ” น่าจะอยู่ในสถานการณ์ถือไพ่เหนือกว่าในหมากอำนาจเกมนี้

ทั้งหมดคือศึกภายในรั้วปทุมวันคุกรุ่นอยู่ข้างใน บางครั้งเห็นเปลวไฟและควันออกมา ยิ่งนับถอยหลังสู่การแต่งตั้งโยกย้ายประจำปียิ่งชัดเจน