วันไร้วิฬาร์ | เรื่องสั้น : ปรัชวิชญ์ บุญยะวันตัง

Cornelis van Haarlem : The Fall of Man (detail)

เรื่องสั้น | ปรัชวิชญ์ บุญยะวันตัง

วันไร้วิฬาร์

 

1

เมืองนี้เพิ่งเปลี่ยนผ่านท่านผู้นำ สิ่งแรกที่ท่านผู้นำพุงพลุ้ยสวมแว่นตากรอบทองทำก็คือ สั่งกำจัดแมวทุกตัวในเมืองนี้ เพราะท่านผู้นำเป็นโรคภูมิแพ้ขั้นรุนแรง สัตว์ที่ท่านชื่นชอบที่สุดคือลิง เพราะท่านเกิดปีวอก ธงประจำจังหวัดจึงเป็นรูปลิงถือเคียวเกี่ยวหญ้า

ท่านผู้นำก่อตั้งพรรควิฬาร์ ซึ่งเป็นหน่วยปราบแมวโดยเฉพาะ ดำเนินการโดยหุ่นยนต์ AI ไร้สามัญสำนึก คอยฟังคำสั่งและสอดส่องพวกแมวจร ส่วนคนที่เลี้ยงแมว จะต้องนำแมวไปมอบที่ทำการพรรควิฬาร์ แจ้งจำนวนแมวที่เลี้ยง สายพันธุ์ และชื่อของแมว แล้วจะได้รับธงสีแดงรูปลิงนำไปติดหน้าบ้าน เพื่อเป็นการยืนยันว่าบ้านนี้ปลอดแมว

แมวที่จับมาได้ จะถูกเผาในถังน้ำมันสีแดง โดยท่านผู้นำจะเปิดเพลงปลุกใจ กลบเสียงแมวร้อง

“ท่านผู้นำเกิดปีลิง

พร้อมทำทุกสิ่งเพื่อมวลชน

ราษฎรจะไม่ขัดสน

พวกเราทุกคนอยู่ดีกินดี”

เมื่อเสียงเพลงนี้ได้ดังขึ้น ทุกคนละแวกนั้นจะรู้ดีว่ามีการเผาแมว ควันไฟลอยฟุ้งสู่ผืนฟ้า สำหรับผมแล้ว นั่นคือเสียงเพลงแห่งความตาย และคำสัญญาของท่านผู้นำไม่มีจริง

ผมเปิดร้านกาแฟอยู่ตรงข้ามที่ทำการพรรควิฬาร์ เมื่อก่อนเป็นสำนักงานรัฐสวัสดิการเพื่อประชาชน แต่เมื่อท่านผู้นำคนก่อนถูกลอบสังหาร อำนาจจึงเปลี่ยนมือ ไปสู่ท่านผู้นำที่เกิดปีลิง เมืองแห่งนี้จึงมีลิงเพ่นพ่านเต็มเมือง

เมื่อก่อนลิงอาศัยอยู่บนยอดเขา แต่ท่านผู้นำสั่งให้พวก AI แขวนกล้วยไว้ทุกเสาไฟฟ้า ลิงจึงลงถนน ปะปนกับผู้คน ชาวบ้านที่ทนไม่ไหวก็อพยพย้ายออกไปจากเมือง อีกไม่นานประชากรลิงคงมากกว่าคน

ผมเคยเข้าไปดูวันที่ทางการประกาศให้นำแมวมามอบ มีแมวหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไทยและเทศ บริติช ช็อตแฮร์ตัวสีโกโก้ ดวงตาสีเหลือง หรือแมวสก็อตทิช โฟลด์ หูพับ หรือแมววิเชียรมาศที่ดวงตาสีฟ้าอ่อน

แมวทุกตัวล้วนน่ารัก เช่นเดียวกับเจ้าของแมว ผมสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนขณะพวกเขาลูบหัวแมวครั้งสุดท้าย ก่อนจะอุ้มแมวใส่กรง และรับธงสีแดงพร้อมกับเดินจากไปทั้งน้ำตา…

เมืองนี้มีคนเลี้ยงแมวมากเกินไป ท่านผู้นำจึงสร้างค่ายกักกันแมว ซึ่งเมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นโรงพยาบาลรัฐ แต่ตอนนี้ทิ้งร้าง ใครที่เจ็บป่วยก็รักษากันตามมีตามเกิด หายาสมุนไพรพื้นบ้านมาบรรเทา มี AI และลิงคอยเฝ้า แมวทุกตัวมีปลอกคอและตอกเลขไว้ที่จี้ห้อยคอ ช่างเหมือนกับค่ายกักกันชาวยิวไม่มีผิด เพียงแต่ไม่มีการรมแก๊ส แต่ใช้วิธีเผาลงถังแดงแทน

ในค่ายมีแต่เสียงแมวร้องระงม แต่ท่านผู้นำก็แค่ปัญหาอย่างง่าย แค่เปิดเพลงปลุกใจ เปิดให้ซึมลึกลงไปในโสตประสาท อีกไม่นานแมวบางตัวคงจะร้องเพลงปลุกใจของท่านผู้นำได้

 

2

ผมแพ้ขนแมวเช่นเดียวกับท่านผู้นำ แม่ผมจึงห้ามเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด แต่ผมก็ชอบดูคลิปแมวตลกๆ ในแอพพ์ติ๊กต็อก ดูคลายเครียด แมวบางตัวก็มีเจ้าของพากย์เสียงต่างๆ จนบางครั้งผมก็คิดไปว่าแมวเหล่านั้นพูดได้ ถ้าแมวพูดได้จริง ก่อนจะถูกเผาลงถังแดง แมวจะสั่งเสียอะไรเป็นคำขอสุดท้ายกันนะ

ผมเปิดร้านตอนแปดโมงครึ่ง ไปถึงร้านตอนแปดโมง ขณะกำลังกวาดขณะหน้าร้าน เสียงฝูงลิงและเสียงแมวร้องไล่หลังตามมา ผมหันกลับไปมอง เห็นแมวอ้วนตัวสีส้มอมขาววิ่งหนีฝูงลิงประมาณสี่ห้าตัวที่ไล่กวด แมววิ่งหูตั้งมาทางผม ผมไม่รู้จะทำอย่างไร แง้มประตูไว้ ส่งเสียงตะโกนชี้ทาง เมื่อแมวเข้ามาในร้าน ผมงับประตูและเหล็กดัด ส่วนฝูงลิงทำได้เพียงเคาะประตูอย่างเกรี้ยวกราด

ผมสำรวจแมวตัวนั้น ไม่มีบาดแผลอื่นใด แต่ผมต้องนำแมวตัวนี้ไปหลบไว้ในห้องเก็บของ เพราะพวก AI พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถดมกลิ่นแมวได้ในระยะไกล ผมห่อแมวไว้กับผ้าห่มที่โรยผงโกโก้ไว้กลบกลิ่น แล้วมองหาอาหารแมวในห้องเก็บของ ตั้งแต่เปลี่ยนท่านผู้นำ ร้านขายอาหารแมวก็หายไปจากเมือง มีแต่ร้านขายกล้วยผุดขึ้นมาแทน

ผมนึกไปถึงอาหารมื้อเที่ยงที่เตรียมใส่ปิ่นโตมา มีน้ำพริกกับปลาทู ผมจึงจัดการเลาะก้างปลาทูออก ใส่จานใบเล็กๆ แล้วไปวางตรงหน้าแมว เจ้าแมวอ้วนหายตกใจแล้ว และกินอย่างกระหาย ราวกับมื้ออาหารสุดท้ายของนักโทษประหาร

ผมอยากเลี้ยงแมวตัวนี้ไว้ แต่แมวตัวนี้ต้องไม่อยู่ในสภาพแมว แล้วผมก็นึกบางสิ่งได้ ผมหยิบกล้วยมาหนึ่งหวี คลุกเคล้าไซยาไนด์ให้ทั่ว อย่าแปลกใจที่ผมมีสิ่งนี้ในร้านกาแฟ บ่อยครั้งก็ผสมลงในเครื่องดื่ม เมื่อพวก AI เข้ามาใช้บริการ ใช้ปริมาณแต่พอดี ไม่ถึงกับให้ตายทันทีที่ร้าน แต่ให้กลับไปตายที่พรรค เมื่อ AI ตัวหนึ่งตาย ทางพรรคก็ผลิตตัวใหม่มาเรื่อยๆ ถึงอย่างไรพวกนั้นก็แค่หนึ่งในจำนวนนับของท่านผู้นำ

ผมวางกล้วยไว้หน้าร้าน ไม่นานฝูงลิงก็มารุมทึ้ง มีลิงที่เป็นผู้นำคอยแบ่งกล้วย ผมไม่แปลกใจที่โลกนี้เป็นโลกของชนชั้น ไม่ถึงสิบนาทีลิงก็วิ่งหนีแตกกระเจิง บางตัวถ่ายของเหลวเรี่ยราดหน้าร้าน มีกล้วยผลหนึ่งที่ผมใส่ปริมาณไซยาไนด์ไปเต็มคาราเบล และลิงตัวที่โชคร้ายจะตายทันทีที่หน้าร้าน

ผมเก็บซากลิงตัวนั้น และลงประตูเหล็กหน้าร้าน เปิดประตูหลังร้านซึ่งเป็นลานซีเมนต์และก่ออิฐปิดทึบ ผมค่อยๆ ชำแหละร่างลิงตัวนั้น มีกลิ่นเหม็นโชยมาเป็นระยะ อุจจาระยังค้างเติ่งอยู่ตรงทวารหนัก ผมจัดการกับสมองลิงเป็นสิ่งแรก มัดลิงกับโต๊ะ ให้ส่วนหัวโผล่ออกมา จากนั้นใช้ค้อนกับสิ่วเคาะๆ รอบกะโหลกศีรษะของลิง ตามวิธีที่เคยดูจากยูทูบของคนจีน เมื่อเลาะกะโหลกลิงออกมาแล้ว ต้องรีบกินทันที ไม่งั้นสมองลิงจะหดลง รสชาติจะไม่สดและอร่อย

ผมตักของเหลวสีแดงข้นปนขาวเข้าปาก ส่วนรสชาติจะเป็นอย่างไรนั้น ผมว่าคุณไม่อยากรู้หรอก

หลังจากเลาะหนังของลิงออกหมดแล้ว ทิ้งส่วนอื่นๆ ลงถังขยะ นำหนังลิงไปผึ่งแดดให้แห้ง แล้วผมก็เริ่มเย็บทุกสิ่งเข้าด้วยกัน กรีดช่องตรงใต้ท้องของลิง ใส่ซิป อาศัยวิชาชีพที่เคยเป็นช่างทำกระเป๋าและเครื่องหนัง เมื่อชุดมาสคอตลิงเสร็จเรียบร้อย ผมจึงลองสวมให้แมวอ้วนตัวนั้น…

ผมหัดให้แมวตัวนั้นกินกล้วย แรกๆ ผสมกล้วยยัดไส้ปลาทู ผ่านไปก็เริ่มเหลือแต่กล้วย คงเหมือนคำสั่งของท่านผู้นำ ที่บอกให้เราอยู่อย่างพอประมาณ กินเท่าที่มี และอย่าทะเยอะทะยาน แต่ไม่มีใครถามกลับถึงทรัพย์สินที่ท่านผู้นำซุกไว้ พวกเราทุกคนกลายเป็นคนเชื่องๆ

ผมเริ่มปล่อยแมวตัวนั้นเดินป้วนเปี้ยนในร้าน ไม่ใช่สิ ตอนนี้กลายเป็นลิงแล้ว ผมตั้งชื่อว่า ‘เฮสเสะ’ ตามชื่อนักเขียนที่ผมชอบ พวก AI ที่มาดื่มกาแฟต่างก็ชอบเล่นกับเจ้าเฮสสะ บ้างก็ยกท่อนแขนซึ่งมีกล้องถ่ายรูปติดไว้แล้วเซลฟี่ แถมยังบอกว่าลิงตัวนี้ตลกดี ท่าเดินแปลกๆ พวกเขาชอบใจที่ผมเลี้ยงลิงที่ร้าน จึงนำธงสีแดงมามอบให้ แม้ว่าผมจะไม่เคยนำแมวไปแจ้งต่อพรรควิฬาร์ แต่พวกเขาก็ให้สิ่งที่ยืนยันว่าผมไม่ฝักใฝ่สัตว์ที่ท่านผู้นำเกลียด

ผมปิดร้านตอนหกโมงเย็น เสียงเพลงปลุกใจดังขึ้นมาอีกครั้ง สลับกับเสียงกรีดร้องของเหล่าแมวในถังน้ำมันสีแดง เฮสเสะเดินป้วนเปี้ยนอยู่ข้างๆ ผม เมื่อได้ยินเสียงเหล่านั้น มันวิ่งออกไปบนถนน และไม่กลับมาอีกเลย…

 

3

ผ่านไปหลายเดือน เช้านั้นผมได้ยินเสียงตึงตังหน้าร้าน เปิดประตูม้วนแล้วเฝ้ามอง เห็นรถยนต์คันหนึ่งมีรอยเลอะสีแดงสด บนถนนมีเลือดหย่อมใหญ่ รถกระบะคันนั้นชนลิงตาย ส่วนคนขับคงวิ่งหนีและทิ้งรถไว้ เพราะท่านผู้นำเขียนกฎไว้ว่าหากใครทำให้ลิงถึงแก่ชีวิต คนผู้นั้นก็ต้องถึงแก่ชีวิต ช่างเหมือนกับกฎหมายตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในสมัยของกษัตริย์ฮัมมูราบี

ผมมองไปยังฝูงลิงที่รุมล้อมรถกระบะคันนั้น เห็นลิงตัวหนึ่งเดินแปลกๆ คงเป็นเจ้าเฮสเสะ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับฝูงลิง มันหันมามองผม แววตาอาลัยอาวรณ์ แต่เมื่อฝูงลิงทยอยจากไป เฮสเสะก็ค่อยๆ กลับไปกับฝูงลิง ทิ้งไว้เพียงซากของลิง

ผมรีบวิ่งข้ามถนน เก็บซากของลิงตัวนั้น โชคดีที่สมองไม่กระทบกระเทือน มื้อเย็นผมจึงกินสมองลิงแกล้มกับแกงเขียวหวานไก่ซึ่งเหลือจากมื้อเที่ยง และเลาะหนังลิงไว้ทำชุดมาสคอตสำหรับแมวตัวอื่น

ถ้าคุณอยากรู้ว่าสมองลิงรสชาติเป็นอย่างไร ผมจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ส่วนสีแดงนั้นเหมือนเนื้อสดๆ แต่กลิ่นสาบมากกว่าเนื้อวัว ส่วนสีขาวนั้นรสชาติเหมือนครีม มีรสหวานอ่อนๆ ผมพูดจริงนะอยากให้คุณได้ลองชิม แต่คุณคงไม่มีโอกาสได้ชิมหรอก เพราะเมืองนี้ลิงคือพระเจ้า

หลังจากนั้นก็มีแมวที่ถูกฝูงลิงไล่ต้อนมาอยู่เรื่อยๆ และผมก็ทำชุดมาสคอตลิงให้แมวทุกตัว เลือกวางยาลิงที่ตัวขนาดใกล้เคียงกัน จะได้ไม่ผิดสังเกต

วันหนึ่งผมลองเล่นอะไรสนุกๆ โยนปลาทูนึ่งไปหน้าร้าน ลิงจำนวนห้าตัว จากจำนวนสิบตัวในฝูง วิ่งมาไล่ตะครุบและยื้อแย่งปลาทูตัวนั้น ผมจำลิงทั้งห้าตัวได้ ผมตั้งชื่อมันตามนักเขียนที่ชอบเช่นเคย ‘เฮมิ่งเวย์, ปรัชวิชญ์, โฟล์คเนอร์, กามูส์ และพัวร์บอย พยับแดด’

ผมเห็นลิงตัวหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เข้ามาลากคอลิงทั้งห้าตัวให้กลับไปที่ฝูง เจ้าเฮสเสะนั่นเอง ผมว่าตอนนี้มันเป็นลิงเต็มตัวแล้วล่ะ

ฝูงลิงผละจากไป ทิ้งไว้เพียงก้างปลาทูบนถนน ผมได้กลิ่นควันไฟอีกแล้ว และเสียงเพลงปลุกใจของท่านผู้นำก็แว่วดังมาตามลม…

“ท่านผู้นำเกิดปีลิง

พร้อมทำทุกสิ่งเพื่อมวลชน

ราษฎรจะไม่ขัดสน

พวกเราทุกคนอยู่ดีกินดี” •