BLUE GIANT

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ตอนที่ GDH ซื้อหนังแอนิเมชั่น BLUE GIANT มาฉายในเมืองไทย

“พี่เก้ง” จิระ มะลิกุล ไม่มั่นใจว่าหนังเรื่องนี้จะมีคนดูหรือเปล่า

ไม่ใช่เพราะเป็นหนังแอนิเมชั่นเท่านั้น

แต่ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพลงแจ๊ซ ซึ่งเป็นดนตรีเฉพาะกลุ่ม

ไม่ “แมส”

เขาเชิญคนหลายๆ วงการไปดูหนังเรื่องนี้ที่ห้องฉายที่ GDH

มีทั้งอาจารย์สอนดนตรี ศิลปิน นักดนตรี ฯลฯ

ผมก็ได้ไปดูด้วย

“พี่เก้ง” คงอยากรู้ว่าแต่ละคนมีความคิดเห็นอย่างไร

เป็นการเก็บข้อมูลว่า “BLUE GIANT เป่าฝันให้เต็มฟ้า” จะโดนกลุ่มไหนบ้าง

“พี่เก้ง” บอกว่าคนส่วนใหญ่ชอบ

น้ำตาซึมกันแทบทุกคน

ไม่มีใครไม่ชอบเลย

แต่ไม่ถึงกับ “โดน” เต็มๆ

จนมีกลุ่มตัวอย่างกลุ่มหนึ่งที่ “กบ” พีอาร์ GDH เป็นคนเชิญ

กลุ่มนี้คือ “ก้อย-ดรีม-นัตตี้” ยูทูบเบอร์คนดัง

3 สาวเป็นเพื่อนรักที่เรียนมาด้วยกัน

และมาเปิดช่องยูทูบของตัวเอง

มีรายการดังมาก ชื่อ “ถ้าหนูรับพี่จะรับป่ะ”

ผมเคยดูหลายตอน

น่ารักมาก

ทั้ง 3 คนดูหนัง “BLUE GIANT เป่าฝันให้เต็มฟ้า” แล้วอินมาก

ต่อมน้ำตาแตกตั้งแต่หนังเริ่มได้ไม่เท่าไร

กลายเป็นกลุ่มคนที่ “โดน” สุดสุด

“พี่เก้ง” ถามว่าน้ำตาไหลมากที่สุดตอนไหน

เธอบอกว่าตอนที่ “มิยาโมโตะ ได” พระเอกโวยเพื่อน “ซาวาเบะ ยูกิโนริ” ที่ไม่ยอมรับเพื่อนที่เพิ่งหัดตีกลองเข้าวง

“คุณกล้าปฏิเสธคนที่บอกว่าอยากเป็นนักดนตรีหรือ”

ประโยคนี้ประโยคเดียว

…เขื่อนแตก

หนังเรื่องนี้เป็นหนังของเด็กหนุ่มที่ล่าฝัน หลงใหลในดนตรีแจ๊ซ อยากเป็นนักดนตรีแซกโซโฟนที่เก่งที่สุดในโลก

“ก้อย-ดรีม-นัตตี้” มี “ความฝัน” เรื่องหนึ่งที่อยากทำมาก ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร

แต่พอมาทำช่องยูทูบแล้วประสบความสำเร็จ

ทุกคนก็เดินตามเส้นทางนี้

จนลืม “ความฝัน” ของตัวเอง

ทั้ง 3 คนเคยมี “ความฝัน” ร่วมกัน

แต่ยังไม่ได้ทำ

หนังเรื่องนี้กระตุ้น “ต่อมฝัน” นั้นให้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง

และคงมีคำถามในใจมากมายให้กลับไปคิดต่อ

“BLUE GIANT เป่าฝันให้เต็มฟ้า” เป็นแอนิเมชั่นที่สร้างจากมังงะเรื่องดัง

ยอดพิมพ์เกิน 10 ล้านเล่ม

โครงเรื่องไม่ได้ซับซ้อน เป็นเรื่องของ “มิยาโมโตะ ได” นักเรียนมัธยมปลายผู้หัดเล่นแซกโซโฟนด้วยตัวเอง

ลุ่มหลงในดนตรีแจ๊ซ

และตั้งใจที่จะเป็นนักแซกโซโฟนที่เก่งที่สุดในโลก

เป็นความคิดที่ดูไร้เหตุผล

แต่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น

เขาตัดสินใจเดินทางเข้าโตเกียวเพื่อไล่ตามความฝัน

ก่อตั้งวงดนตรีกับ “ซาวาเบะ ยูกิโนริ” เพื่อนนักเปียโนฝีมือดี เทคนิคดี แต่ไม่กล้าหลุดออกจากกรอบ

และ “ทามาดะ ชุนจิ” เพื่อนอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยมีความฝันเป็นนักดนตรี

แต่ “ได” ชวนมาเป็นมือกลอง

เมื่อเพื่อนชวนเขาก็มาเริ่มหัดตีกลอง

เป้าหมายสูงสุดของ “ได” และ “ยูกิโนริ” คือ การขึ้นแสดงที่ So Blue คลับชื่อดังให้ได้

และกำหนดเป้าหมายที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

นั่นคือ ต้องแสดงที่ So Blue ให้ได้ ก่อนอายุ 20 ปี

หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยเพลงแจ๊ซ

และไม่ใช่เป็นเพลงสั้นๆ ประกอบหนัง

แต่พี่ท่านปล่อยยาวเหยียดเต็มเพลง หลายเพลงเลย

“เพลงแจ๊ซ” จึงไม่ใช่ “เพลงประกอบหนัง”

แต่เป็น “นักแสดงนำ” คนหนึ่งของหนังเรื่องนี้

ผมเป็นคนที่รู้เรื่องดนตรีน้อยมาก

ฟังเพลงน้อย

และแทบไม่ได้ฟังเพลงแจ๊ซเลย

เจอนักแสดงนำชื่อ “เพลงแจ๊ซ” ในหนังเรื่องนี้

บอกได้เลยว่าอดหลงรัก “แจ๊ซ” ไม่ได้

แม้จะไม่ “เชิญยิ้ม” ก็ตาม

แฮ่ม…

มุก 5 บาท 10 บาทก็ขอเล่นหน่อย

ขอเล่าซีนที่ประทับใจนิดหนึ่งนะครับ

ไม่สปอยล์เรื่องทั้งหมด

แต่เป็นจุดเล็กๆ ของเรื่อง

ผมชอบฉากที่ “ยูกิโนริ” หมดพลังจนแทบไม่อยากเล่นดนตรี

เพราะมีกูรูในวงการคนหนึ่งบอกว่าเขามีแต่เทคนิคการเล่น

แต่ไม่กล้าทำอะไรนอกกรอบที่เคยเล่น

ตามปกติถ้าเพื่อนเจอแบบนี้ เราต้องปลอบใจ

“สู้ๆ นะ”

“อย่ายอมแพ้”

แต่ “ได” ลุกขึ้นยืนแล้วจะกลับ

“ชุนจิ” ถามว่าทำไมไม่ให้กำลังใจเพื่อน

“ได” บอกว่าถ้าเพื่อนยอมแพ้ เพราะคำตัดสินของคนคนเดียว

ไม่มีใครจะช่วยเขาได้

ยกเว้นตัวเขาเอง

…โดนเลย

เพราะในชีวิตจริง เราต้องเจอคำวิพากษ์วิจารณ์จากคนมากมาย มีทั้งคนที่รักเราจริง

และคนที่เกลียดเรา

ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรี นักกีฬา

หรือคนทำงานทั่วไป

ถ้าปราศจากความเชื่อมั่นในตัวเอง

ไม่เห็นคุณค่าของตัวเรา

และยอมให้คนอื่นมาตัดสินเราว่าเป็นอย่างไร

ถ้าคุณท้อจากเรื่องเพียงแค่นี้

ไม่มีใครช่วยเราได้ครับ

ยกเว้นตัวเราเอง

“ได” เป็นนักแซกโซโฟนที่มีความฝัน

และเป็นฝันที่ใหญ่มาก

รู้ว่ายาก

รู้ว่าลำบาก

รู้ว่าเป็นจริงได้ยาก

แต่เขาก็กล้าที่จะฝัน

และตามไล่ล่ามันแบบไม่เคยท้อถอย

ใครที่ดูหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะมีฝันหรือไม่มีฝัน

ทุกคนจะได้พลังกลับไปจากหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน

“ได” บอกว่าทุกครั้งที่เป่าแซกโซโฟน

เขาจะคิดเสมอว่าตัวเขาคือนักแซกโซโฟนที่เก่งที่สุดในโลก

ท่อนโซโลที่เป็นช่วงปล่อยพลัง

“ได” จะใส่เต็มที่

เหมือนจะบอกทุกคนว่าถ้าจะไปให้ถึงฝัน

ต้องเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง

เชื่อว่าเราทำได้

คุณต้องใส่ให้สุด

อย่ากั๊ก

และเสียงที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องฟัง

ไม่ใช่เสียงจาก “คนอื่น”

แต่เป็นเสียงของนกที่อยากโบยบินในหัวใจของคุณ

ทุกครั้งที่ท้อ

ให้ฟังเสียงเจ้านกตัวนี้ •

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์