ยกเครื่องจัดแถวใหม่ | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

มาช้าดีกว่าไม่มา “ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567” หรือ “งบประมาณปี 2567” วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท สูงที่สุดเท่าที่เคยจัดสรรงบประมาณมา

งบประมาณรายจ่ายปี 2566 เทอมสุดท้ายของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จำนวน 2.95 ล้านล้านบาท ว่ามากแล้ว ยังต้องชิดซ้ายลงคู น้อยกว่าตามสัดส่วนราวร้อยละ 9.3 แต่ก็ผ่านฉลุย หลังจากปล่อยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอภิปรายกันเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม รวม 40 ชั่วโมงเต็ม

ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 เป็นการเสนอใช้งบประมาณครั้งแรกของรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร

ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ คือร่างกฎหมายที่รัฐบาลจัดทำขึ้นมา เพื่อกำหนดว่าในปีงบประมาณต่อไปนั้น รัฐได้วางแผนนำเงินที่ได้จากภาษีของประชาชน รวมถึงรายได้จากแหล่งอื่นๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และสอดคล้องกับนโยบายที่ได้ประกาศไว้อย่างไร

โดยทั่วไปแล้ว พ.ร.บ.งบประมาณ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม ดังนั้น การพิจารณางบประมาณ มักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี แต่เนื่องจากปีนี้เกิดเงื่อนไขทางการเมืองว่าด้วยศึกเลือกตั้ง โปรแกรมเลยเลื่อนมาพิจารณาในเดือนมกราคม คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทุกขั้นตอน น่าจะประกาศใช้ได้เดือนเมษายน ระหว่างชักตะพานแหงนรอ สามารถใช้งบประมาณรายจ่ายของปี 2566 ไปพลางก่อนได้

“สรุป” หลังโรเตชั่น เปิดโอกาสให้อภิปรายสลับฟันปลากันระหว่างฝ่ายค้าน กับขั้วรัฐบาล ในที่สุด พ.ร.บ.งบประมาณายจ่ายประจำปี 2567 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติรับหลักการ เห็นด้วย 311 เสียง ไม่เห็นด้วย 177 เสียง งดออกเสียง 4

ที่มีประเด็นดราม่าตามมาอยู่บ้างนิดหน่อยคือ ในส่วนรับหลักการ 311 เสียง ซึ่งปรากฏว่า งอกเพิ่มมา 3 เสียง และไม่ได้มาจาก “กระบอกไม้ไผ่” แต่ไหลมาจากพรรคไทยสร้างไทย พรรคฝ่ายค้าน “นายหญิงใหญ่-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หัวหน้าพรรค เลยควันออกบ้องหู ส่งระเบิดข้ามห้วยมาจากต่างประเทศ สั่งเล่นงานลูกพรรคที่แตกแถว “นายฐากร ตัณฑสิทธิ์” โดนสะเก็ดผิวถลอก ประกาศรับผิดชอบด้วยการไขก๊อกออกจากเลขาธิการพรรค

ที่สะดุ้งเป็นกุ้งโดนมะนาวนั้นก็คือ “พรรคชาติไทยพัฒนา” เมื่อปรากฏว่า เสียงรับหลักการ ชะแว้บหายไปหนึ่งเสียงจาก 10 เหลือเห็นชอบแค่ 9 เสียง เมื่อไล่เช็กรายนามนายคนหาย กล้าทุบหม้อข้าวตัวเอง คือ “ประภัตร โพธสุธน” บ้านใหญ่แห่งเมืองสุพรรณ ถ้าเป็นคนอื่นรับประกันซ่อมฟรีได้ว่า ไฟพะเนียงแตกเพื่อไทย ต้องเปิดปฏิบัติการสั่งสอนแน่นอน แต่พลันที่เป็น “ประภัตร” สามารถหยวนๆ อวยๆ หนักกลายเป็นเบา

ที่ซึ่งตรงกันข้ามเนื่องจากสายสัมพันธ์ของ “เสี่ยประภัตร” กับ “นายใหญ่ชั้น 14” รักและผูกพันกันมายาวนาน อาณาจักรเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ที่สูงตระหง่านอยู่ถนนวิภาวดีรังสิต ก็เป็นสมบัติเก่าของ “เสี่ยประภัตร” ที่ซื้อ-ขายราคามิตรภาพ ช่วยเหลือกันช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ขนาดนี้แล้ว ชั่วโมงนี้ แค่ขัดข้องทางเทคนิค ไม่ได้ลงคะแนน เห็นชอบกับ พ.ร.บ.งบประมาณ ถือว่าจิ๊บๆ มาก

หลัง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ผ่านฉลุยเรียบร้อย มีการประกาศตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2567 ร่วมจำนวน 72 คน จากสัดส่วน “คณะรัฐมนตรี” 18 คน “พรรคก้าวไกล” 16 คน “พรรคเพื่อไทย” 15 คน “ภูมิใจไทย” 8 คน “พลังประชารัฐ” 5 คน “รวมไทยสร้างชาติ” 4 คน “ประชาธิปัตย์” 2 คน “ชาติไทยพัฒนา” 1 คน “ประชาชาติ” 1 คน “ไทยสร้างไทย” 1 คน

คณะกรรมาธิการงบประมาณ กดปุ่มเปิดประชุมนัดแรก เป็นไปตามคาดหวยล็อก ที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากถล่มทลายให้ “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หยิบชิ้นปลามันในตำแหน่งประธานกรรมาธิการ

รองประธาน ก็เครือข่ายฟากรัฐบาลเกือบยกแผง อาทิ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง-จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์-ชาดา ไทยเศรษฐ์-วราเทพ รัตนากร-มนพร เจริญศรี-จักรพงษ์ แสงมณี-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์-พิทักษ์เดช เดชเดโช”

ขณะที่ “พรรคสีส้ม” ที่ตามโควต้า มีกรรมาธิการร่วมคณะอยู่มากถึง 16 ที่นั่ง กลับประกาศไม่ขอรับตำแหน่งแห่งหนใดๆ ในกรรมาธิการเลยแม้แต่รายเดียว ไม่ว่า จะเป็น “ศิริกัญญา ตันสกุล-นิติพล ผิวเหมาะ-ณัฐพล โตวิจักษ์ชัยกุล-พนิดา มงคลสวัสดิ์”

ขณะที่ “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกฯ มือใหม่ การได้เข้าร่วมประชุมสภา ถกงบประมาณ 3 วัน 3 คืน มันค่อยๆ สะสมประสบการณ์ แป๊บเดียวเอง สร้างความมั่นอกมั่นใจให้กับตัวเองได้รวดเร็วมาก ความรู้สึกกลัว ตื่นเวทีถูกลบเลือนไปหมด การเข้าร่วมประชุมสภา ดวลเดือดกันนักการเมืองเริ่มสนุก อย่าว่าแต่ พ.ร.บ.เลย ครั้งต่อไป ใครตั้งกระทู้ถามเรื่องงูๆ ปลาๆ “นายกฯ นิด” พร้อมจะข้ามฟากไปตอบกระทู้

เรียกได้ว่า ตอนนี้พกพาความมั่นใจสุดขีด ไม่กลัวหน้าอินทร์ หน้าพรหมไหนอะไรแล้วในเวลานี้ ก้าวถัดไป ข่าวคลุกวงในระบุว่า “นายเศรษฐา” มีแนวโน้มจะยกเครื่องปรับคณะรัฐมนตรี จัดแถวใหม่บางส่วนในเร็วๆ วันนี้

โดยมีแผนที่จะก้าวลงจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำลังจาระไนหาคนมานั่งแท่นแทน ดูชั่วโมงบินในเวลานี้ คนที่หน่วยก้านดีที่สุด คือ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” อาจจะได้เป็นเชนคัมแบ๊กกลับถิ่นเก่า

“นายกฯ นิด” อาจจะสไลด์ตัวเองไปรักษาการ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ที่ตอนนี้ เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย กับผู้นำ 5 เหล่าทัพ “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด-ผู้บัญชาการทหารบก-ผู้บัญชาการทหารเรือ-ผู้บัญชาการทหารอากาศ-ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ”

เพื่อประสานสิบทิศกันทำงานใหญ่ไปด้วยกันระหว่างฝ่ายบริหารกับความมั่นคง เรื่องสำคัญยิ่ง คือพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ขุมทรัพย์อันมากมหาศาลที่ถูกทอดสมอจมไว้ใต้ทะเล การเจรจาระหว่างผู้นำ 2 ประเทศเพื่อนบ้านกำลังรุดหน้าไปด้วยดี ที่แบ่งสัดส่วนผลประโยชน์ 50 ต่อ 50

โยก “สุทิน คลังแสง” ไปประจำการในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการเกรดบี ที่หนึ่งที่ใด

“การท่องเที่ยวและกีฬา” ก็น่าจะโดนโรเตชั่น