เปิดคำสารภาพ ตร.ปืนดุ “ฆ่านักธุรกิจบนทางด่วน” ปืนจ่อหัวบังคับโอน 20 ล้าน อ้างชนวนถูกหลอกใช้

ปี 2566 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆ แวดวงสีกากีเกิดเรื่องฉาวไม่หยุดหย่อน

ล่าสุด ยังไม่ทันข้ามเข้าสู่ปีใหม่ 2567 ก็เกิดคดีขึ้นอีกจนได้

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น สอบปากคำ

นาทียิงสนั่นทางด่วน

คดีสยองเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 23.30 น. คืนวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ร.ต.อ.อวยชัย ศรีสงค์ รอง สว. (สอบสวน) สน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุยิงกันตาย เหตุเกิดบนทางพิเศษ (ด่วน) ฉลองรัช กม.10 เหนือถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงใกล้แยกประชาธรรม แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. รุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.วิชัย ณรงค์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.4 ฝ่ายสืบสวน สน.วังทองหลาง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นทางด่วนฉลองรัช ขาออกมุ่งหน้าไปลาดพร้าว แบ่งเป็นช่องทางเดินรถ 3 เลน เลนซ้ายสุดพบศพนายกฤษฏิ์ ศรุวรานนต์ อายุ 30 ปี สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อโปโลแขนสั้นลายสีเทาดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. เข้าที่กลางหน้าผาก 2 นัด นิ้วชี้มือขวา 1 นัด ใต้ท้องแขนขวา 1 นัด และขาขวา 1 นัด รวม 5 นัด ในตัวพบเงินสดกว่า 50,000 บาท และเครื่องประดับสร้อย แหวน นาฬิกา ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม. 5 ปลอก เก็บไว้เป็นหลักฐาน

เจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ผู้ประสบเหตุให้การว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่ขับรถถึงจุดเกิดเหตุกับเพื่อนร่วมงานอีก 1 คน พบรถตู้ฮุนได เอช 1 สีดำ ทะเบียนป้ายแดง จอดเสียหลักชนขอบสะพานทางด่วน และมีชาย 2 คนทะเลาะวิวาทชกต่อยกันข้างรถ ชายถูกทำร้ายนอนอยู่บนพื้นถนน มีชายคนร้ายขึ้นไปนั่งคร่อม ในมือขวาถือปืน เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นปืนจึงถอยออกมา ต่อมาได้ยินเสียงปืน 2 นัด คาดถูกยิงที่ขาขวาและใต้ท้องแขนขวา จากนั้นคนร้ายขึ้นรถตู้ขับหนีไป

ร.ต.ท.ณรงค์วัส ทะชาดา หรือ หมวดนัท รอง สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก ถูกจับหลักเกิดเหตุ

 

เจ้าหน้าที่ให้การอีกว่า ขณะช่วยเหลือ คนเจ็บขอให้โทร.ไปบอกภรรยา และพูดคุยด้วยตัวเองว่าถูกยิง บอกให้ภรรยาพาลูกหลบหนีออกจากบ้านพัก กลัวคนร้ายตามไปยิง

ขณะนั้นรถตู้คันที่ขับหลบหนีไปได้ขับรถวนกลับมาจอดบนทางด่วนฝั่งตรงข้าม คนร้ายคนเดิมถือปืนลงมาจากรถ กระโดดข้ามแบริเออร์กั้นเกาะกลางมาหาคนเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงหลบเข้าไปอยู่ในรถ และขับเลยจากจุดเกิดเหตุนิดหน่อย มองกระจกหลัง เห็นชายคนร้ายใช้ปืนจ่อยิงคนเจ็บอีกหลายนัด ก่อนรีบวิ่งกลับไปที่รถตู้ขับหลบหนีไปอีกครั้ง

ขณะนั้นมีรถโดยสารประจำทาง สาย 34E สีน้ำเงิน วิ่งทางด่วนรังสิต ขับผ่านมา เมื่อเห็นว่าคนร้ายหนีไปแล้ว จึงให้รถโดยสารจอดรถขวางไว้ ไม่ให้รถคันอื่นๆ วิ่งมาทับศพ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ

ต่อมาภรรยาและแม่ผู้เสียชีวิตรีบรุดมาที่เกิดหตุ ทันทีที่เห็นร่างของผู้ตายก็ต่างร่ำไห้ด้วยความเสียใจ ก่อนให้การทั้งน้ำตาว่ารถตู้คันที่คนร้ายขับหลบหนีไปเป็นรถของผู้ตายเอง

ที่น่าตกใจคือภรรยาผู้ตายระบุชัดว่า คนร้ายเป็นตำรวจชื่อ ร.ต.ท.ณรงค์วัส ทะชาดา หรือหมวดนัท รอง สว. (สอบสวน) สน.หัวหมาก

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 ควบคุมการสืบสวนติดตามตัวคนร้าย

พฐ.เก็บหลักฐานจุดเกิดเหตุ

จากการสืบสวนพบข้อมูลว่า ร.ต.ท.ณรงค์วัส รู้จักกับผู้ตายเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างเข้าเวรรับแจ้งคดีที่ สน.หัวหมาก

ต่อมาได้ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานขับรถให้ผู้ตาย ส่วนสาเหตุที่ใช้อาวุธปืนยิงนั้น เชื่อได้ว่าเป็นประเด็นกรณีที่ผู้ตายได้เคยสัญญาจะช่วย ร.ต.ท.ณรงค์วัสชดใช้หนี้สินจากการธุรกิจเจ๊งประมาณ 2 ล้าน หลังจากที่ผู้ตายเคยขอให้ ร.ต.ท.ณรงค์วัสช่วยเหลือคดีฉ้อโกง

เป็นได้ว่าผู้ตายไม่ยอมทำตามสัญญา ทำให้มีปากเสียงกัน เพราะ ร.ต.ท.ณรงค์วัสรู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้ให้ขับรถ จึงชักปืนมายิงผู้ตายก่อนจะมีการยื้อแย่งปลุกปล้ำ และวิ่งไปยิงกันบนถนน

ส่วนประวัติผู้ตายทำธุรกิจเกี่ยวกับเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และเป็นนายหน้าหาทนายรับต่อสู้คดีต่างๆ จึงมีคดีความเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงหลายคดี

กระทั่ง 05.20 น. วันที่ 30 ธันวาคม 2566 ชุดสืบนครบาลและสืบ 4 นำกำลังปิดล้อมห้องพักรายวัน มันนี่โฮม แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ กระทั่งหมวดนัทออกมาจากห้องพัก จึงเข้าจับกุมพร้อมตรวจยึดของกลาง อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อกล็อก 19 สีดำ พร้อมซองกระสุนโทรศัพท์มือถือไอโฟน รุ่น 14 โปร แม็กซ์ สีดำ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง สีดำ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อบัดดี้โฟน สีขาว 1 เครื่อง บัตรประจำตัวประชาชนของนายกฤษฏิ์ ศรุวรานนต์ (ผู้ตาย) 1 ใบ ชุดที่ใส่ก่อเหตุทั้งเสื้อกางเกงรองเท้า เป็นตัวเดียวกันกับที่สวมใส่ระหว่างก่อเหตุ

จึงแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพาอาวุธเข้าไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน” ก่อนคุมตัวมาสอบสวน

ที่เกิดเหตุยิงบนทางด่วนฉลองรัช

เปิดคำให้การตำรวจปืนดุ

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถติดตามเข้าจับกุม ร.ต.ท.ณรงค์วัส พร้อมรถยนต์ของผู้เสียชีวิต จึงคุมตัวไปสอบสวนที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ตั้งแต่ช่วงเช้า

เบื้องต้นมีข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเคยถูกผู้เสียชีวิตชักชวนไปหารายได้พิเศษ ช่วยขับรถยนต์ช่วงที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังไม่ชัดเจนสาเหตุการลงมือก่อเหตุ

หลังจากการสอบปากคำนาน 6 ชั่วโมง หมวดนัทให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่ามีปัญหาหนี้สินติดหนี้ในระบบ 2 ล้านบาท จากการกู้ไปลงทุนทำธุรกิจแล้วเจ๊ง

จากนั้นก็ได้รู้จักกับผู้ตายที่เข้ามาติดต่อราชการว่าตกเป็นผู้เสียหายคดีฉ้อโกง จึงรู้จักและสนิทกัน แล้วคอยทำงานเป็นคนขับรถให้ผู้ตาย

ทำงานมาประมาณ 5 เดือน ได้ค่าจ้างครั้งละ 1,000 บาท ระหว่างทำงานถูกบอกว่าจะเคลียร์หนี้ให้ จะดูเรื่องตำแหน่งให้ แต่อยู่ด้วยกันมานานยังไม่เห็นว่าจะทำอะไรให้

จนมาถึงวันเกิดเหตุ หมวดนัทให้การว่า ขณะขับรถให้กับผู้ตายมีปากเสียงกันเรื่องที่ว่าถูกหลอกใช้

ด้วยความโมโหจึงใช้อาวุธปืนของตัวเองยิงใส่ขาผู้ตายไป 1 นัด แล้วขู่บังคับให้โอนเงินจำนวน 20 ล้านบาทให้ เพราะผู้ตายชอบคุยว่ามีเงินในบัญชีเป็นร้อยล้านบาท ตั้งใจว่าเงิน 2 ล้านจะนำไปใช้หนี้ ส่วนอีก 18 ล้านจะใช้หลบหนีคดี

คุมตัว หมวดนัท ส่งฝากขัง

แต่ผู้ตายไม่ยอมทำตามซ้ำยังกระโจนมาแย่งปืนขณะที่ตนขับรถอยู่

ยื้อแย่งได้สักระยะจนรถเสียหลักชนขอบทางด่านจึงจอดรถเปิดประตูลงไปยื้อแย่งปืนกันบนถนน ตนใช้อาวุธปืนยิงซ้ำอีกถูกบริเวณแขนจนผู้ตายทรุดลง จากนั้นได้ขับรถหนีไป

ส่วนสาเหตุที่กลับมายิงซ้ำหมวดนัทให้การว่า ขณะขับรถหลบหนีนึกได้ว่าทำโทรศัพท์มือถือตกไว้ในที่เกิดเหตุ จึงวนรถกลับมาอีกรอบพอวิ่งข้ามถนนมาเห็นพลเมืองดีกำลังช่วยเหลือผู้ตายที่ยังไม่เสียชีวิต เลยบังคับให้โอนเงินให้อีกครั้ง แต่ผู้ตายยังปฏิเสธตนจึงจ่อยิงที่หัวอีก 2 นัด จนถึงแก่ความตาย

หมวดนัทยอมรับอีกว่าที่ก่อเหตุเพราะเกิดจากความเครียดและโมโหเข้าใจว่าตนถูกหลอกใช้

วันรุ่งขึ้นตำรวจคุมตัวหมวดนัทส่งฝากขังที่ศาลอาญา รัชดา ระบุว่าในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานอีก 5 ปาก รอผลตรวจลายนิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงขอหมายขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวนตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2566 – 11 มกราคม 2567 ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวน รวมทั้งผู้เสียหายขอคัดค้านหากผู้ต้องหาขอปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีภายหลัง โดยศาลอาญาพิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป

ขณะที่ น.ส.จิราภัทร ศรุวรานนต์ (แม่) น.ส.ศิริรัตน์ ศรุวรานนต์ (อดีตภรรยา) อายุ 33 ปี มีลูกด้วยกันแล้ว 2 คน แต่เลิกรากันไปแล้ว เดินทางมารับศพนายกฤษฏิ์ ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดศิริเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ

น.ส.จิราภัทรกล่าวทั้งน้ำตาว่า ปมที่เกิดขึ้นเชื่อว่ามาจากที่นายตำรวจคนที่ก่อเหตุคนนี้ ขอให้ลูกชายช่วยชดใช้หนี้สินทั้งหมดให้เขา แต่ทางลูกชายไม่รับปาก และไม่ทำให้ เนื่องจากจำนวนเงินหนี้มันมากเกินไป ลูกชายจึงช่วยเหลือได้แค่ให้เขาทำงานเก็บเงิน แล้วไปชดใช้หนี้สินเอง ผู้ก่อเหตุจึงน่าจะโกรธและลงมือก่อเหตุ

ส่วนตัวมองว่ามันเกินไปหรือไม่ ให้ลูกชายชดใช้หนี้สิน ทั้งที่ไม่ใช่ของตัวเอง อยากถามว่าเขาทำแบบนี้ได้ยังไง “ทำทำไม ทำไปเพื่ออะไร” ทำลายครอบครัวคนอื่นไปหมดเลย ลูกชายเป็นนักธุรกิจ เป็นเสาหลักของครอบครัว ขาดเขาไปแล้วครอบครัวก็แย่กันหมด สิ่งที่ต้องการตอนนี้อยากให้เขาได้รับได้รับโทษคือประหารชีวิตเท่านั้น

การที่หมวดนัทปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน น่าจะเป็นเพียงเทคนิคในการต่อสู้คดีเท่านั้น ส่วนประเด็นการก่อเหตุจะมีมากกว่านี้หรือไม่ คงเป็นเรื่องยากจะรู้ได้เพราะอีกฝ่ายก็ตายไปแล้ว แต่ก็คงไม่สามารถเปลี่ยงแปลงข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้าตัวเป็นคนลงมือฆ่าไปได้